ข่าวดีคนชอบผลไม้!! ผลวิจัยกินส้มโอ ช่วยต้านไขมันสูง

รศ.สิริชัย อดิศักดิ์วัฒนา ภาควิชาโภชนาการและการกำหนดอาหาร คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผย ว่าได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ศึกษาเรื่องส้มโอพบว่า นอกจากสารอาหารต่างๆ แล้ว ส้มโอยังมีสารพฤกษเคมี ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นคือความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ แต่ก็มีสิ่งที่ต้องระวังคือน้ำตาล จึงอาจจะไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและผู้ป่วยที่มีไขมันสูง ทั้งนี้ เลือกศึกษาส้มโอ 6 สายพันธุ์ ได้แก่ ขาวใหญ่ ขาวน้ำผึ้ง ทองดี ขาวแตงกวา ท่าข่อย และทับทิมสยาม

รศ.สิริชัย กล่าวว่า ผลการวิจัยพบว่าสารสกัดจากส้มโอ มีฤทธิ์ในการชะลอหรือยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการย่อยไขมันในกลุ่มไตรกลีเซอไรด์ และยับยั้งกระบวนการดูดซึมไขมันในกลุ่มคอเลสเตอรอล ใน 2 ขั้นตอนคือ ส้มโอจะเข้าไปจับกับกรดน้ำดี ซึ่งมีหน้าที่ทำให้ไขมันต่างๆ แตกตัวเพื่อให้ง่ายต่อการดูดซึม ทำให้ปริมาณกรดน้ำดีในทางเดินอาหารลดลง การแตกตัวและการดูดซึมไขมันจึงน้อยลงตามไปด้วย และในขั้นตอนการสร้างกลุ่มก้อนของไขมันเพื่อการดูดซึม ส้มโอสามารถแทรกตัวเข้าไปขัดขวางไม่ให้ไขมันจับกลุ่มรวมตัวกันและเข้าสู่ระบบน้ำเหลืองในการดูดซึม โดยมีประสิทธิภาพประมาณร้อยละ 10 ใกล้เคียงกับยากลุ่มที่ช่วยขัดขวางในด้านนี้ ผลการวิจัยที่ได้นี้ถือเป็นข้อมูลที่ค่อนข้างใหม่เกือบทั้งหมด เพราะยังไม่เคยมีการศึกษาส้มโอในประเด็นการต้านไขมันสูงมาก่อน

รศ.สิริชัย กล่าวว่า ส้มโอมีประโยชน์แต่ก็มีน้ำตาล บางสายพันธุ์ที่หวานมากอาจจะไม่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานหรือไขมันในเลือดสูง แต่ก็สามารถรับประทานได้ในปริมาณที่จำกัด ควรบริโภคส้มโอเป็นส่วนหนึ่งของอาหารมื้อหลักร่วมกับผลไม้ชนิดอื่นๆ สำหรับคนทั่วไปที่มีสุขภาพแข็งแรงรับประทานส้มโอประมาณ 1 – 2 ซีก จะได้พลังงานที่พอเหมาะพอดีที่เผาผลาญให้หมดได้ในหนึ่งวัน หากอยากรับประทานมากกว่านั้นก็อาจจะลดปริมาณอาหารมื้ออื่นลง จะทำให้การรับประทานส้มโอ เกิดประโยชน์จริงๆ

ที่มาhttp://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1398051750&grpid=&catid=09&subcatid=0901

#########

“กินเปลี่ยนโลกเป็นกิจกรรมสาธารณะประโยชน์
การนำข่าวหรือเรื่องเล่าต่างๆ จากอินเตอร์เน็ตมาเผยแพร่
ไม่ได้ทำเพื่อการค้า