เตือนเด็กนักเรียนต้องกินอาหารเช้า

 เผยแพร่ผลสำรวจที่มาพร้อมคำเตือนว่า เด็กกรุงเทพฯ เกือบร้อยละ 40 ไม่รับประทานอาหารเช้าทุกวัน ทั้งที่เป็นมื้ออาหารที่สำคัญที่สุดสำหรับวัยแห่งการเรียนรู้ ต้นเหตุจากสภาพชีวิตที่เร่งรีบไม่มีเวลา-ครอบครัวไม่ทำอาหารเช้าที่บ้าน จึงทำให้เด็กส่วนใหญ่ขาดนิสัยการรับประทานอาหารที่ถูกต้อง อีกทั้งเมินผักผลไม้ และเด็กส่วนหนึ่งมีพฤติกรรมอดอาหารเช้าเพื่อลดน้ำหนัก

รศ.ดร.ประไพศรี ศิริจักรวาล สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ปรึกษาการจัดทำโครงการสำรวจ กล่าวว่า อาหาร มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญต่อร่างกายมาก เพราะสมองและอวัยวะต่างๆ ต้องการสารอาหารไปหล่อเลี้ยงหลังจากที่ไม่ได้รับอาหารมาตลอดทั้งคืน ดัง นั้น อาหารเช้าจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการของเด็กในวัยเรียน ทั้งด้านร่างกายและสติปัญญา การอดอาหารเช้า อาจส่งผลทำให้เด็กรู้สึกหิว อ่อนเพลีย ทำให้ขาดสมาธิและส่งผลเสียต่อการเรียนในระยะยาว อีกทั้งทำให้การเจริญเติบโตของร่างกายไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน

ผู้ปกครองควรฝึกให้เด็กได้รับประทานอาหารเช้าเป็นประจำทุกวัน โดยให้เด็กกินอาหารให้หลากหลาย ครบหมู่ และเป็นอาหารอ่อนๆ ที่เหมาะสำหรับเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่ไม่รู้สึกหิวในตอนเช้า ควรเป็นอาหารอ่อนๆ ที่เด็กชอบ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม เด็กควรได้รับอาหารที่หลากหลาย ครบหมู่ พร้อมผัก-ผลไม้หลากสีทุกวัน โดยองค์การอนามัยโลกแนะนำให้รับประทานอาหารจำพวกผักผลไม้อย่างน้อยวันละ 400-500 กรัม โดยควรรับประทานผักหลากสีเป็นประจำทุกวัน เนื่องจากผักแต่ละสีมีสารอาหารที่ให้คุณค่าต่อร่างกายที่แตกต่างกันออกไป อย่างผักสีเขียว เช่น ผักบร็อกโคลี่ ผักกาด มีวิตามินบี ผักโขมให้ธาตุเหล็กและแคลเซี่ยมช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ผักสีเหลืองและส้ม เช่น ฟักทอง ข้าวโพด และแครอตมีวิตามินเอในรูปของเบต้า แคโรทีน ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ

ที่มา : ข่าวสด  29 ม.ค. 53