ภราดา ดร.ชำนาญ เหล่ารักผล ผอ.ร.ร.อัสสัมชัญธนบุรี ชวน ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “การเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน” รับใช้ครูและนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 1,550 คน ที่หอประชุมหลุยส์ มารี เดอ มงฟอร์ต ร.ร.อัสสัมชัญธนบุรี 09.00-11.30 น. ของอังคารวันนี้

หากพ่อไม่เอาผมและน้องๆไปเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนวัดชนบทห่างไกลในจังหวัด จันทบุรี วิธีคิดของผมและน้องก็คงจะมองโลกได้ไม่ครบด้าน ทั้งด้านวิถีชีวิตในชนบท ในเมือง และต่างประเทศ ประสบการณ์หลายอย่าง เราหาไม่ได้ในเมือง อย่างเมื่อครั้งหนึ่ง พวกเราจะไปทานหอย แต่ถูกห้ามโดยผู้คนชนบทชายทะเล ท่านบอกว่าถ้าน้ำทะเลมีสีเป็นลักษณะเรืองแสงอย่างนี้ แม้แต่กุ้ง ปู ปลา สัตว์ทะเลประเภทอื่นก็ห้ามทาน ภูมิปัญญาของชาวบ้านทราบเพียงว่า ปลา กุ้ง หอย ปู เป็นอันตราย แต่ไม่สามารถจะอธิบายขยายความให้เราเข้าใจมากไปกว่านี้ได้

เมื่อโตขึ้นมีการศึกษามากขึ้น เราจึงได้รับการอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ว่า เพราะเดี๋ยวนี้มีการใช้ยาฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมีตามเรือกสวนไร่นากันมาก เมื่อฝนตกลงมาจากฟากฟ้า ก็ชะเอายาฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมีเหล่านี้ลงไปในแม่น้ำลำคลองหนองบึง ซึ่งบั้นปลายท้ายที่สุด สารก็ไปอยู่ในน้ำทะเล ปุ๋ยและธาตุอาหารหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกไนโตรเจนและฟอสฟอรัสในทะเล

จึงมีปริมาณสูงมากกว่าปกติ เป็นสาเหตุให้สาหร่ายและแพลงก์ตอนเติบโตอย่างรวดเร็ว พอสาหร่ายและแพลงก์ตอนมีมากถึงระดับหนึ่ง ก็จะทำให้สีของน้ำทะเลเปลี่ยนไป บางทีก็มีกลิ่นเหม็น หลายแห่งมีลักษณะเป็นตะกอนแขวนลอยในน้ำเป็นหย่อมๆ หรือเป็นแถบยาว ชาวทะเลแถวบ้านปู่ย่าตายายของผมเรียกตะกอนแขวนลอยน้ำพวกนี้ว่า ขี้ปลาวาฬ แพลงก์ตอนพวกนี้โตไว เพราะได้ปุ๋ยและธาตุอาหาร นอกจากนั้น พวกมันยังมีสีในตัวของมันเอง จึงทำให้น้ำทะเลมีสีเปลี่ยนไปตามสีของแพลงก์ตอนที่มีมากในเวลานั้นๆ บางทีก็มีสีเขียว เหลือง ขาว น้ำตาลแดง น้ำตาล ที่ผมเจอบ่อยมากที่สุด ก็เป็นพวกที่มีสีขี้สนิมเหล็ก

ในท้องทะเลมีแพลงก์ตอนพืชขนาดเล็กมากกว่า 5,000 ชนิด แต่มีเพียงประมาณ 300 ชนิด ที่สามารถเพิ่มจำนวนและทำให้ท้องทะเลเกิดปรากฏการณ์น้ำเปลี่ยนสี มีอยู่ 40 ชนิด ที่สร้างสารพิษสะสมในปลาและหอย สารพวกนี้นี่แหละครับ ปัจจุบันทุกวันนี้มนุษย์รู้จักในชื่อของพิษอัมพาตในหอย ใครที่รับประทานปลา กุ้ง หอย ปู ที่มีพิษพวกนี้ก็จะมีอันตรายถึงชีวิต

หลายครั้งที่ประชาชนคนของเรา หรือนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศทานอาหารทะเลแล้วก็มีอาการป่วยอย่างรุนแรง หรือบางรายเป็นอันตรายถึงชีวิต หนึ่งในบรรดามากมายหลายสาเหตุอาจจะเกิดจากปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีนี่ก็ได้

ท่านอาจจะเคยอ่านข่าวเรื่องนกตายเกลื่อนกลาดดาษดื่นริมชายหาด ครั้งละเป็นพันๆตัว บางทีก็มีข่าวปลาบางประเภทตายเป็นเบือไม่รู้สาเหตุ พวกนี้อาจจะเป็นผลมาจากสารพิษที่ตกค้างมายาวนาน ซึ่งเป็นสารประกอบเคมีที่มีคาร์บอนและธาตุในหมู่ฮาร์โลเจน ซึ่งยังมีอยู่มากมายในยาฆ่าแมลง เมื่อถึงทะเลก็ไปอยู่ในแพลงก์ตอน ปลากินแพลงก์ตอน นก และคนกินปลา สารพิษพวกนี้ก็ไปอยู่ในตัวนกและคน

ยาปราบศัตรูพืชหลายอย่าง หลายประเทศห้ามนำเข้า และห้ามนำไปใช้ในด้านการเกษตรไปนานแล้วครับ แต่ในประเทศไทยยังมีการใช้อยู่ ยาฆ่าแมลงบางกลุ่มองค์การอนามัยโลกห้ามใช้ไปแล้วเหมือนกัน หรือหากจะมีการใช้ก็ต้องเข้มงวดกวดขันกันอย่างมากที่สุด อย่างพวก บีเอชซี ลินเดน ทอกซาฟีน คลอเดน เฮปตาคลอร์ ดีดีที อัลดริน ดีลดริน และเอนดริน

ตะวันตกซึ่งเป็นประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลายมีคำสั่งห้ามนำยาในกลุ่มที่ว่ามาใช้อย่าง เด็ดขาด แต่ยอมปล่อยให้มีการผลิตและส่งออกไปขายในประเทศกำลังพัฒนาเท่านั้น

ยาปราบศัตรูพืชมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในแหล่งน้ำ ทำให้การพัฒนาระบบสืบพันธุ์ล้มเหลว ภูมิคุ้มกันลดลง ระบบประสาทย่ำแย่ ตับและไตเป็นอันตราย ยาฆ่าแมลงบางอย่างทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อระบบเอนไซม์และระบบฮอร์โมนใน สัตว์ทะเล เมื่อมนุษย์ทานสัตว์ทะเลเหล่านั้น ก็พลอยเป็นอันตรายไปด้วย

บริษัทที่นำเข้ายาฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมีที่เป็นอันตรายต่อสัตว์และมนุษย์ยังนำเข้ามาในประเทศไทยอยู่ได้ เพราะมอบเงินบริจาคก้อนใหญ่ให้พรรคการเมืองหลายพรรค ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจเหลือเกินครับ ที่การเมืองบ้านเรายังต้องใช้เงินกันมาก ทำให้พรรคการเมืองและนักการเมืองต้องหาสตางค์ ยอมขนาดปล่อยให้ยาฆ่าแมลงเข้ามาทำลายลูกหลานของตนเอง

ผมอยากเห็นเอ็นจีโอไทยเข้มแข็งมากกว่านี้ ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้หน่อย.

คุณนิติ นวรัตน์

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 7 สิงหาคม 2555 โดย คุณนิติ นวรัตน์ http://www.thairath.co.th/column/oversea/worldsky/281503
รูปภาพจาก kapook.com

“กินเปลี่ยนโลกเป็นกิจกรรมสาธารณะประโยชน์การนำข่าวหรือเรื่องเล่าต่างๆ จากอินเตอร์เน็ตมาเผยแพร่ ไม่ได้ทำเพื่อการค้า”

Relate Post