อุดม การสมใจ วัย 85 ปี คุณแม่ลูก 18 คน จัดข้าวตัง ที่ตั้งหาบหน้าร้านมนต์นมสดตรงข้ามศาลาว่าการกทม.
ใครจะเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะเลี้ยงลูกถึง 18 คนให้เป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต ขยันทำมาหากิน ด้วย ‘ข้าวตัง’ ของแม่
ใครจะเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะเลี้ยงลูกถึง 18 คนให้เป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต ขยันทำมาหากิน เติบโตมาจนถึงวันนี้ได้ด้วย ‘ข้าวตัง’ ของแม่
คุณแม่ของลูกๆ โหลครึ่ง คุณย่าคุณยายของหลานยี่สิบแปดคนและคุณทวดของเหลนอีกสี่คน คุณอุดม การสมใจ เกิดเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2468 นับอายุถึงวันนี้ได้ 85 ปี เป็นลูกของพ่อรำมะหนาด ตีวาลีชาวอินเดียใบหน้าแม่จึงคมคายเหมือนแขกตามสายเลือดพ่อกับ คุณแม่ละมูล พูนธนาพันธ์
ก่อนจะมาขายข้าวตัง ขายทุกอย่างที่ทำได้ ตั้งแต่ขายข้าวใส่บาตรพระที่บางลำพูเพราะเมื่อข้าวเหลือกับข้าวเหลือจะได้ ให้ลูกกินด้วย ขายขนมต้ม ครองแครงกะทิ ขนมถั่วแปบ แป้งจี่และข้าวตัง หน้าเทศกาลขนมเทียนทำขนมเทียนขาย เจียนใบตองเองทำทุกอย่างเอง ทำจนเป็นลมเพราะเขามาจ้างให้ทำหมื่นห่อ
ชีวิตตอนอยู่บางลำพูสนุกสนานกับการสู้ชีวิต ที่ค้าขายได้และชอบค้าขายก็เพราะแม่ละมูลเป็นแม่ค้าขายกุ้งปลาที่ตลาดยอดบางลำพูมาก่อน เห็นแม่ค้า ขายเราก็ค้าขายด้วย ชีวิตยากลำบากแล้วกลับสาหัสยิ่งกว่า เมื่อปีพ.ศ.2510 ไฟไหม้บางลำพู จนแล้วยังเจอไฟไหม้คราวนั้นต้องนอนศาลาวัดชนะสงครามตอนนั้นมี ลูก 15 คนจะโกลาหลเพียงใด คิดดูต้องอยู่ศาลาวัดถึง 5 ปี สมเด็จเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามองค์ปัจจุบันท่านเมตตาให้อยู่ให้ข้าวบิณฑบาตกิน กัน
ยากลำบากเพียงนั้นคนเป็นแม่และพ่อช่วยกันสู้ทนเลี้ยงลูกมา มาขายข้าวตังอย่างเดียวเมื่ออายุได้ 25 ปี นับแต่นั้นมาก็ขายข้าวตังมาตลอด มีข้าวตังหน้าตั้ง ข้างตังมะพร้าวข้าวตังเมี่ยงลาว ได้วิชาทำข้าวตังมาจากการที่เคยไปขายของแถวในวัดพระแก้วแถวประตูวิเศษไชยศรี เห็นเขาทำก็จำเขามาแล้วมาลองทำเองก็ทำได้
แฟนประจำข้าวตังหน้าตั้ง ที่ติดใจฝีมือแม่อุดม การสมใจ
ข้าวตังมาจากไหน ข้าวตังคือข้าวก้นกระทะ จะมีลักษณะแข็งติดกันเป็นแพ กระทะที่จะทำให้เกิดข้าวตังสวยๆ ต้องเป็นการหุงข้าวด้วยกระทะใบบัว ในยุคแรกๆ ที่ทำขายได้ข้าวตังมาจากโรงเลื่อยแถวบางลำพู โรงเลื่อยมีคนงานเยอะเขาเลี้ยงข้าวคนงานด้วยการหุงข้าวกระทะใบบัว พอโรงเลื่อยหมดไปจากบางลำพู ก็ไปหาโรงเรียนนายร้อย จปร.ที่ถนนราชดำเนิน โรงทหารหุงข้าวกระทะใบบัว พอโรงเรียนนายร้อย จปร.ย้ายไปอยู่นครนายก ไปหาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน
วันนี้หาแหล่งที่ผลิตข้าวตังดีดีและจำนวนมากได้ยาก ด้วยความทันสมัยในวันนี้ไม่มีใครหุงข้าวด้วยกระทะใบบัวอีกแล้ว ความรู้เรื่องการหุงข้าวด้วยกระทะใบบัวก็จะหายไป หาคนหุงได้ยาก ที่ขายอยู่ทุกวันนี้ก็ได้จากวิเศษไชยชาญ อ่างทอง ทำข้าวตังส่งมาให้
ข้าวตังดีดีทำจากวัตถุดิบที่ดี ใหม่สดทอดวันต่อวันไม่ค้างคืน ทำเช้าขายวันนั้น น้ำมันดีไม่ใช้ซ้ำซาก ใช้น้ำมันพืช มะพร้าวเลือกมะพร้าวทึนทึกดีดีขูดเองด้วยมือ หน้าตั้งใช้ถั่ว หอมกะทิฯลฯเคี่ยวอย่างดี และเมี่ยงลาวไส้ถั่ว ผักกาดดองที่ห่อ เป็นการดองแบบโบราณใช้น้ำมะพร้างดอง ไม่เปรี้ยวมากเหมือนที่ดองทำต้มจืด ได้มาแล้วต้องมาล้างให้สะอาดเพื่อลดความเปรี้ยว จึงทานได้อร่อยนุ่มนวลกลมกล่อมไม่เปรี้ยว
การค้าขายทำอย่างไร ก็หาบเร่ หาบเร่จริงๆ หาบแล้วเร่ไปขาย อุปกรณ์การขายมีสาแหรก ไม้คาน กระบุง กระจาดกระด้ง ที่สำคัญที่สุดคนหาบ เช้าขึ้นเตรียมของสักตีห้า ทำเสร็จประมาณสายๆก็บรรทุกลงหาบแล้วก็ออกตระเวณไปเรื่อยๆ ที่มีคนกินคนซื้อ สมัยก่อนที่แม่ยัง หาบไหว ยุคแรกๆ หาบจากบางลำพูไปขายถึงสะพานควาย ห้วยขวาง โรงพยาบาลจุฬาฯที่ประจำนางเลิ้ง ตรอกหม้อ ตระเวนไปขายหมด น้ำหนักหาบไม่ต่ำกว่า 50 กิโลกรัม
ด้วยใจที่ถือว่า “หาบของอยู่บนไหล่ ไม้คานอยู่บนบ่า เราอยู่ได้ไม่อดตาย” ลูกทั้งหมด 18 คนได้ข้าวตังของแม่เลี้ยง มา ทุกวันนี้ลูกจากไป 2 คนด้วยโรคมะเร็งและโรคหัวใจ เหลือลูกๆ 16 คน ตั้งครอบครัวอยู่กันที่ชุมชนบ้านพานถม ซอยวัดปรินายกซอย 6 ทุกคนยังช่วยกันสืบทอดทำข้าวตังขาย แม่อุดมตั้งใจว่าพ.ศ.2555 จะเลิกขายปล่อยให้ลูกๆ ทำกันต่อไป
ลูกค้าที่กินข้าวตังเป็นใครมาจากไหน คนรุ่นใหม่ที่ไหนจะรู้จักกินข้าวตัง ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ คนกลางคนขึ้นไป รุ่นใหม่ถ้าคนรุ่นพ่อแม่ไม่สอนให้กินก็กินไม่เป็น คุณหญิงคุณนาย นายกรัฐมนตรีในอดีตยังกินของแม่อุดม
ข้าวตังสองแบบ อันโค้งใหญ่มาจากการหุงข้าวด้วยกระทะใบบัว
ทำเลของข้าวตังในวันนี้ มี 4-5 หาบ แม่อุดม การสมใจจะนั่งอยู่ร้านมนต์นมสดหน้าศาลาว่าการกทม. ลูกชายพงษ์พันธ์จะขายอยู่เทเวศร์ ภรรยาคุณพงษ์พันธ์สะใภ้แม่ขายอยู่หน้าร้านเป็ดพูนสินวัดตรีทศเทพ สมชายลูกชายหัวแก้วหัวแหวนขายอยู่ที่ทางเข้าประตูศาลาสวดศพวัดมกุฏกษัตริย์
ออกขายตั้งแต่สิบโมงเช้าไม่เกินหกโมงเย็น ทุกหาบก็จะกลับมารวมพลกันที่บ้าน รวมเงินเอาเข้ากงสีแล้วพักผ่อนพูดคุยกันตามประสาพี่น้องแม่ลูก ถึงแต่ละวันที่ผ่านมา ทำภารกิจส่วนตัวแล้วมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง หรือไม่คนที่มีครอบครัวแยกออกไปก็ไปกินอยู่กับครอบครัว รุ่งเช้าอีกวันพบกันใหม่ เป็นเช่นนี้ชั่วนาตาปี จากอายุ 25 ถึงวันนี้ที่แม่อุดมอายุ 85 เป็นหกสิบปีของการดำเนินชีวิตขายข้าวตังเลี้ยงลูกครอบครัวไม่รวย ไม่ถึงกับจน มีชีวิตพออยู่ได้ไม่อดตาย
เล็ก ภรรยาสมชายสะใภ้ของแม่อุดม จากคนที่กินเงินเดือนทำงานบริษัทมาเป็นสะใภ้ครอบครัวนี้เห็นแม่ทำทุกอย่าง แม่ก็สอนให้จนทำทุกอย่างเป็น และสอนให้ค้าขาย แม่บอกว่าทำงานเงินเดือนกว่าจะได้กินได้ใช้สิ้นเดือน มาทำด้วยกันที่บ้านมีกินมีใช้ทุกวัน เลยออกมาช่วยแม่หาบข้าวตังขาย
“สมัยนั้นอยู่บ้านนี้ใหม่ๆ ไปขายจุฬาฯ เราไม่รู้ไกลแค่ไหนแม่บอกอีกนิดเดียวๆ จนเราไม่ไหวบอกแม่หนูจะไม่ไหวแล้วแม่ แต่แม่ยังหาบเดินตัวปลิว แม่ทำงานหนักอดทนสู้ชีวิต เพื่อครอบครัวเพื่อลูก แม่สอนลูกด้วยการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ลูกบ้านนี้ไม่เคยทะเลาะกัน มีแต่ช่วยกันทำมาหากิน บางทีอยากให้แม่หยุดก็ต้องบอกพวกเราลูกติดธุระแม่หยุดขายนะ ต้องใช้ลูกไม้อย่างนี้ให้แม่พักบ้าง วันเกิดวันแม่บ้านนี้เป็นสุขสนุกที่สุด ลูกหลานเหลนจะมากราบแม่กัน”
พงษ์พันธ์ลูกชายบอกว่า หัวใจแม่ไม่ มีวันจะหยุดขาย เพราะความรับผิดชอบต่อครอบครัวและคิดถึงลูกๆ ก่อนเสมอและยังต้องส่งดอกเจ้าหนี้เงินกู้วันละสามพันบาท เป็นเงินกู้นอกระบบ ถึงวันนี้พยายามลดเจ้าหนี้ลงกู้ให้น้อยลง ที่หมดได้ก็ตัดให้หมดเป็นรายๆ ไป
คำที่แม่อุดม พร่ำสอนให้กับลูกๆ คือ “หาบของขึ้นบ่าก็ได้กินนะลูก…ถ้าอยู่บ้านก็ไม่ได้กิน” สอนให้ขยันทำมาหากิน มีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ ข้าวตังของแม่อุดม การสมใจ เลี้ยงลูก 18 คนได้ และทำให้ ‘ข้าวตัง’ ยังมีลมหายใจอยู่ในย่านใจกลางกรุงได้สืบมา
ที่มา: Life Style : ศิลปวัฒนธรรม วันที่ 12 สิงหาคม 2553 โดย : สมปอง ดวงไสว