บวบหอมผักเรียกน้ำนม ขับพยาธิตัวกลม แก้หลอดลมอักเสบ

บวบหอมเป็นหนึ่งในผักพื้นบ้านไทยที่ปรากฏการใช้ประโยชน์มากมายจากทุกส่วน และในตำรายาไทยยังได้ระบุสรรพคุณทางยาและการนำไปใช้อย่างชัดเจน บวบหอมแม้จะไม่จัดอยู่ในอันดับผักยอดนิยมในดวงใจของผู้บริโภค แต่ก็ถือเป็นผักพื้นบ้านที่ยังมีคนรู้จักและนำไปใช้บริโภค รวมถึงมีการปลูก และการจำหน่ายตามท้องตลาดทุกแห่งอย่างสม่ำเสมอ

ผลหรือลูกบวบคือส่วนที่เรานำมาใช้บริโภคเป็นผัก และนำไปประกอบอาหาร เช่น ผัดบวบใส่ไข่ แกงเลียง แกงหน่อไม้ แกงอ่อม ต้มลวกจิ้มน้ำพริก ลักษณะผลจะเป็นรูปทรงกระบอก กลม ยาวประมาณ 10 เซนติเมตรโดยเฉลี่ย บางครั้งเราจะเห็นบวบขนาดสั้นๆ บ้างวางจำหน่าย แต่มักจะพบในตลาดตามต่างจังหวัดมากกว่า บวบที่พบในตลาดในเมืองหรือตามห้างสรรพสินค้ามักเป็นบวบที่มีขนาดยาวมีไล่ เลี่ยกัน  เพราะผู้ขายจะคัดสินค้าที่มีขนาดและรูปร่างที่ขายแล้วได้ราคาดี  บวบที่วางจำหน่ายในตลาดต่างจังหวัดนั้นจะมีเสน่ห์มากกว่าบวบในตลาดเมือง ยังมีกลิ่นไอของความเป็นธรรมชาติเพราะเด็ดจากต้นใหม่แล้วนำมาขาย บ้างก็มีแมลงตัวเล็กๆ เกาะติดมาด้วย ในขณะที่บวบตามตลาดในเมืองจะมีสีเขียวสะอาดผ่านการชำระล้างมาแล้ว ใครที่ไปเดินตามตลาดต่างจังหวัดก็ลองสังเกตดู

บวบเขามีชื่อเสียงในเรื่องการเรียกน้ำนมแม่ลูกอ่อน ตำราอาหารสำหรับแม่ลูกอ่อนคลอดใหม่จะต้องมีแกงเลียงที่ต้องใส่บวบเป็นอาหารแทบทุกวัน โบราณเชื่อว่าแกงเลียงบวบจะช่วยเรียกน้ำนมแม่ แม่ลูกอ่อนยุคเก่ามักจะต้องได้กินแกงเลียง แม่ลูกอ่อนยุคใหม่ถ้าที่บ้านสมัยใหม่ก็คงอด เพราะมักจะจัดตารางอาหารการดูแลสุขภาพแม่หลังคลอดเป็นสไตล์ฝรั่งมากกว่า แต่ส่วนมากในชนบทก็ยังคงรักษาความเชื่อนี้อย่างเหนียวแน่น

จริงๆ แล้วที่โบราณที่บอกท่านสอนก็ล้วนกลั่นกรองมาจากประสบการณ์ เพราะผลบวบมีสรรพคุณในการขับน้ำนมจริง ผลบวบมีรสหวาน ชุ่มเย็น มีสรรพคุณแก้ร้อนใน ทางด้านการแพทย์จีนจัดบวบอยู่ในอาหารประเภทหยินหรือเย็น เหมาะสำหรับฤดูร้อนจะได้ช่วยขับความร้อนคลายความร้อนในร่างกาย ดับร้อนถอนพิษ แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยคลายความร้อนในหมู่วัยรุ่นใจร้อนได้ไหม และยังช่วยระบายท้อง  ขับลม ขับน้ำนม แก้เลือดออกตามทางเดินอาหาร แก้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ  ถ้าเราไม่ใช่แม่ลูกอ่อนต้องกินบวบเรียกน้ำนมแล้ว ก็ต้องเช็กดูตัวเองกันบ้างมีอาการร้อนใน มีลมจุกเสียด ระบบการขับถ่ายผิดปกติหรือไม่ ถ้ามีต้องหาเมนูอาหารจากบวบมากิน

นอกจากนี้ ส่วนอื่นๆ ก็ยังมีคุณค่าทางยาเพียบ ใบ มีรสขมเฝื่อนเล็กน้อย สรรพคุณดับร้อนถอนพิษไข้ แก้ไอ ขับเสมหะ ใบสดแก้กลากเกลื้อนบนหัว ใบแห้งบดเป็นผงละเอียดใช้ห้ามเลือด เถา แก้ไอ ขับเสมหะ เมล็ด รสขมหวานเล็กน้อย ขับเสมหะ ช่วยระบาย ขับพยาธิ ราก รสหวานสุขม  แก้เจ็บคอ ต้มดื่มระบายท้องหรือใช้ล้างแผลที่เกิดการเน่าเปื่อยอักเสบ รังบวบ รสหวาน  ช่วยดับร้อน ขับปัสสาวะ ลดอาการบวม

บวบเป็นผักที่มีแร่ธาตุโดยรวมสูง ซึ่งมีประโยชน์ในการเสริมสร้างกระดูกและฟัน อย่างนี้ลูกที่ถูกเลี้ยงด้วยนมแม่ก็จะได้รับประโยชน์และคุณค่าในสารอาหาร ตั้งแต่เล็กๆ อย่างที่โบราณมักกล่าวไว้เสมอว่า แม่กินอย่างไรลูกก็เป็นอย่างนั้น แม่กินสิ่งที่เป็นประโยชน์ ลูกก็ฉลาดแข็งแรง แม่กินอาหารตามใจอยากตามใจปากที่ไม่เป็นประโยชน์ ลูกย่อมได้รับสิ่งที่ไม่ดีด้วยเช่นกัน

ในการนำมาใช้ประโยชน์ในการรักษาโรคมีตำรับยาจากบวบหอม อาทิ

ขับปัสสาวะอักเสบ แก้ปัสสาวะเป็นเลือด ใช้ใบแห้ง 3-10 กรัม ต้มเอาน้ำดื่ม หรือใช้ใบสดล้างน้ำให้สะอาดคั้นเอาน้ำดื่ม หรือใช้รังบวบ 30 กรัม ต้มน้ำใส่น้ำผึ้งเล็กน้อย

ช่วยขับน้ำนม ให้เอาผลขนาดกลางเผาจนเป็นถ่าน แล้วบดเป็นผงชงดื่มกับเหล้าเล็กน้อย  หรือใช้บวบแก่ 1 ลูกตากในที่ร่มให้แห้ง บดเป็นผงชงกับเหล้า

แก้ไอ เอาเมล็ดบวบอบให้แห้งแล้วบดเป็นผง กินครั้งละ 9 กรัม วันละ 3 ครั้ง หรือเอาเถาบวบคั้นเอาน้ำ ครั้งละ 2-3 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่นดื่มวันละ 3 ครั้ง หรือใช้รังบวบคั่วให้เกรียม แล้วบดเป็นผงผสมกับน้ำตามครั้งละ 2 ช้อน วันละ 3 ครั้ง

แก้ไอเรื้อรัง ใช้น้ำคั้นจากบวบสด ผสมน้ำผึ้งจิบ

แก้ไซนัสและริดสีดวงจมูก น้ำมูกไหลมีกลิ่นเหม็น ใช้เถาบวบใกล้รากยาวประมาณ 1 ศอก เผาเป็นถ่านแล้วบดเป็นผง ผสมกับเหล้าโรงเล็กน้อย และใช้ผงเป่าเข้าจมูก

แก้ปวดหัวเรื้อรัง หรือปวดหัวข้างเดียว ใช้รากบวบ 90 กรัม ต้มน้ำใส่เกลือตัวผู้ 3 เม็ด ดื่มต่างน้ำ

ขับพยาธิตัวกลม ใช้เมล็ดแก่รสหวานกินตอนท้องว่าง ผู้ใหญ่ใช้ 40-50 เมล็ด เด็กใช้ 30 เมล็ด

แก้หลอดลมอักเสบ ใช้เถาแห้ง 100-250 กรัม หั่นฝอยแช่น้ำจนพองตัว นำมาต้มนาน 1  ชั่วโมง กรองเอาน้ำพักไว้ แล้วเอากากต้มใหม่อีกครั้งนาน 1 ชั่วโมง กรองเอาน้ำ จากนั้นให้เอาน้ำที่ต้มได้ทั้ง 2 ครั้งผสมกันต้มจนเหลือน้ำ 150 มิลลิลิตร

จมูกอักเสบ ใช้รากหรือเถาบวบบริเวณใกล้ราก ยาว 90-150 เซนติเมตร ต้มน้ำดื่มวันละ 1 ครั้ง

บวบหอมทำหน้าที่เป็นทั้งอาหารและยาที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่าลืมเลือกบวบหอมเป็นหนึ่งในเมนูเพื่อสุขภาพสักมื้อ

ที่มา:สาระ น่ารู้ ไทยโพสต์ 13 มิถุนายน 2553

Relate Post