แลเห็นสายน้ำจำนวนมากที่ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ที่ทำกินของพี่น้องชาวไทยเกือบทั่วประเทศเสียหาย พื้นที่เริ่มต้นที่โคราชที่ทุกคนต่างตระหนกว่าน้ำท่วมภูเขา เกิดมาในชีวิตก็เพิ่งเจอ และแทบภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างอีกหลายจังหวัดยังไม่ทันทุเลา พี่น้องชาวภาคใต้ก็ถูกกระหน่ำทั้ง อุทกภัย วาตภัย ดินถล่ม บ้านเรือนและที่ทำกินพังยับเยิน ทุกภาคส่วนก็ช่วยเหลือเกื้อกูลทั้งแรงกายทรัพย์สิน สติปัญญาที่ระดมช่วยเหลือกันได้ทุกภาคส่วนของสังคม และเอาใจช่วยให้พี่น้องชาวไทยทุกๆ คนผ่านพ้นวิกฤตินี้ด้วยความเข้มแข็ง
เห็นน้ำท่วมจำนวนมากที่ภาคใต้ก็อดนึกถึงความงดงามของทะเลสาบสงขลา และทะเลน้อยในยามปกติไม่ได้ โดยเฉพาะบัวจำนวนมากที่ชูช่อกลางทะเลน้อย บานสะพรั่งรอนกโฉบมาเกาะเป็นภาพบรรยากาศที่งดงาม ที่นักท่องเที่ยวมักแวะเวียนไปสัมผัสมิได้ขาด วันนี้จึงหยิบเอาเรื่องบัวและประโยชน์ของบัวมาเล่า พลางรำลึกถึงทะเลน้อยในวันที่งดงาม
วิถีชีวิตคนไทยมีความเกี่ยวข้องกับ ดอกบัวมาตั้งแต่อดีตกาล บัวเป็นสัญลักษณ์แทนพุทธศาสนา และสติปัญญาของคนก็ถูกเปรียบเปรยเป็นดังเช่นบัว 4 เหล่า คือ บัวเหนือน้ำ บัวเสมอน้ำ บัวใต้น้ำ และบัวในโคลนตม
คนไทยรู้จักการใช้ประโยชน์จาก บัวมานานแล้ว เช่นใช้ใบมาทำเป็นภาชนะใส่อาหาร ช่วยให้อาหารมีกลิ่นหอมชวนรับประทานมากขึ้น ใบอ่อนรับประทานเป็นผักจิ้มน้ำพริก เมล็ดบัวทั้งสดและแห้งนำมาประกอบอาหารคาวและหวาน ส่วนรากก็นำมาใช้เข้าเครื่องยา ช่วยบำรุงประสาทและไต ดีบัวหรือต้นอ่อนเมื่อนำมาเข้ายาแผนโบราณจะมีสรรพคุณขยายหลอดเลือดที่ไป เลี้ยงหัวใจ รากนำมาต้มดื่มแก้ร้อนในกระหายน้ำ เป็นต้น
บัวถูกจัดเป็น พืชมหัศจรรย์ที่มากด้วยคุณค่าทางยา และสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย และคนไทยก็เป็นคนช่างคิดช่างประดิดประดอย จึงมีการนำส่วนต่างๆ ของบัวมาปรุงอาหารอย่างหลากหลาย เช่น
สายบัว นำมาแกงส้ม ต้มกะทิหรือรับประทานสดกับน้ำพริกลงเรือ และกะปิคั่ว รากบัว นำมาต้มน้ำตาล เชื่อม ฉาบน้ำตาล ทำไส้พาย คุกกี้ ส้มตำรากบัว รวมทังเครื่องดื่มต่างๆ ฝักบัว หรือเมล็ดบัวสามารถรับประทานสดได้ หรือจะนำมาเชื่อม ลอยแก้ว ใส่ในไอศกรีม ลูกชุบ และทำขนมเม็ดบัว ใบบัว นำใบอ่อนมาจิ้มน้ำพริก หลน พร่าต่างๆ เมนูอาหารที่นำบัวมาปรุง เช่น ข้าวห่อใบบัว ต้มยำกุ้งเม็ดบัว เทมปุระกุ้งเมล็ดบัว แกงเขียวหวานหมูย่างเม็ดบัว ส้มตำรากบัว ผัดไหลบัว แกงส้มไหลบัว และสายบัวต้มกะทิ
บัวเมื่อปรุงเป็นอาหารก็อร่อย รับประทานแล้วยังได้ประโยชน์ทางยา ช่วยในการบำรุงรักษาร่างกาย ส่วนต่างๆ ของบัวมีสรรพคุณดังนี้ คือ ดีบัว ช่วยขยายหลอดเลือด ลดความดันโลหิตสูง เมล็ดบัว บำรุงกำลัง แก้กษัย ท้องร่วง สมานแผล แก้ร้อนใน ช่วยให้เจริญอาหาร ฝักบัว มีฤทธิ์สมานแผล ขับลม แก้ท้องเสียและพิษเบื่อเมา ก้านบัว รักษาโรคลมออกหู และท้องเดิน หมอแผนไทยใช้ก้านบัวนำมาทำหลอดนัตถุ์ยาสำหรับแห้ริดสีดวงจมูก โดยเลือกเอาก้านที่แข็งแล้วใช้ไม้กลมๆ อาจมีขนาดเท่าตะเกียบ แต่มีความยาวเท่ากับก้านบัว หรือจะใช้ไม้ไฝ่เหลาให้กลมได้ขนาดพอใช้ แทงลงไปในก้านข้างใน แล้วตากแดดให้แห้ง พอแห้งก็ดึงไม้ออก ก็จะได้หลอดก้านบัวใช้นัตถุ์ยา
เหง้าบัว แก้ท้องเสีย ปวดบวม รักษาแผลไฟลวก และช่วยขับปัสสาวะ ใบบัว บำรุงร่างกาย แก้ไข้ ปวดฝี ปวดศีรษะ ดอกบัว แก้ท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน บำรุงกำลังแก้จุกเสียด ส่วน เกสรตัวผู้ ช่วยรักษาอาการที่เกี่ยวกับเลือดลม บำรุงกำลัง แก้ไข้ ขับเสมหะ ขับปัสสาวะและช่วยบำรุงตับ
ปัจจุบันอาหารที่ปรุงขึ้นจากบัวกำลังเป็นที่ นิยมมีเมนูที่หลากหลาย และหารับประทานได้ง่าย ไม่ถูกมองว่าเป็นอาหารเชยๆ อีกต่อไป เช่น ชาเกสรดอกบัว ชากลีบบัว เมี่ยงกลีบบัว แกงสายบัว ผัดสายบัว และบัวต้มน้ำแข็ง เป็นต้น บ้านใดที่มีคูคลองพอจะปลูกบัวได้ก็ลองหาซื้อมาปลูก นอกจากจะนำมาปรุงเป็นอาหารก็ยังได้ของแถมเป็นดอกบัวสวยๆ ประดับบ้าน หรือเก็บดอกตากแดดไว้ทำยา หรือบำบูชาพระ
สายพันธุ์บัวมีมากมายสายพันธุ์ แต่ที่นิยมใช้มากในการทำยาก็คือดอกบัวหลวงสีขาวและดอกบัวหลวงสีแดง นิยมใช้เกสร กลีบดอก ฝัก แต่ถ้าเป็นสายบัวที่เอามาทำอาหารก็จะเป็นพวกกลุ่มบัวสาย การพัฒนาอาหารและยาจากบัว มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการมองเห็นโอกาสในการพัฒนาเป็นยาหรือเครื่องดื่มรักษาโรคหัวใจ แต่สิ่งสำคัญคือเกษตรกรผู้ทำนาบัวรายเก่าและรายใหม่ที่มองเห็นโอกาสนี้ ต้องหันมาทำนาบัวแบบปลอดสารให้มากขึ้น จึงจะได้บัวที่ดีเหมาะสมกับการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างตั้งใจ ที่มา: ไทยโพสต์ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2553 http://www.thaipost.net/node/29748
“กินเปลี่ยนโลกเป็นกิจกรรมสาธารณะประโยชน์การนำข่าวหรือเรื่องเล่าต่างๆ จากอินเตอร์เน็ตมาเผยแพร่ ไม่ได้ทำเพื่อการค้า”