ผัดถั่วงอก(หุ่นเพรียว)

ไม่ได้การันตีว่ากินเข้าไปมากๆ แล้วจะหุ่นเพรียวแต่ประการใด แต่เจ้าถั่วงอกของเรานี่สิหุ่นสะโอดสะอง อีกทั้งมีสีสันสดใสน่ามอง ไม่ขาวซีดแต่ดูดีมีเลือดฝาด

บางครั้งเรื่องที่ง่ายๆ แต่เราไม่เคยทำ ก็ต้องผ่านการล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำอีกกว่าเราจะยืนยันกับตัวเองได้ไม่อายว่า มันง่ายจริงๆ อย่างการเพาะถั่วงอกกินเองนี่แหละ ทดลองมาหลายต่อหลายครั้งก็เพิ่งจะประสบความสำเร็จได้กินจริงจังก็คราวนี้นี่เอง ที่ผ่านมาปัญหาที่พบก็คือ ภาชนะไม่เหมาะสม รดน้ำมากไปบ้าง น้อยไปบ้าง อากาศไม่ถ่ายเท ข้างล่างเน่า ข้างบนแห้ง สารพัด อีกเรื่องที่พลาดบ่อยก็คือใช้เมล็ดถั่วมากเกินไป

แต่คราวนี้ระมัดระวังอย่างที่สุด ตั้งใจที่สุด เริ่มต้นด้วยการแช่เมล็ดถั่วเขียว (อินทรีย์ด้วยนะคะ พอดีมีเหลืออยู่บ้าง) เล็กน้อย ประมาณถ้วยน้ำชาพูนๆ แช่น้ำไว้ 1 คืน ก็ประมาณ 10 ชั่วโมงกว่าๆ ขาดเกินได้ไม่ต้องเพะๆ

จากนั้นเราก็เตรียมภาชนะสำหรับเพาะ หลังจากที่เคยล้มเหลวจากพวกขวด จากถุงผ้า ก็เลยขอจริงจังสักหน่อย มีตะกร้าพลาสติกเหลือใช้ 1 ใบ เศษใบตองห่อผัก เอามารองและบุรอบๆ ตะกร้าเพื่อไม่ให้ดินหกเรี่ยราดและไม่ให้แสงเข้ามากไป จากนั้นก็เอาดินปลูกต้นไม้ใส่ประมาณ 3-4 นิ้ว

tng1_copytng2
         
เช้าอีกวันก็เอาถั่วเขียวที่แช่น้ำไว้ มาโรยในตะกร้า เกลี่ยให้ทั่วๆ รดน้ำชุ่มปานกลางแล้วเอาใบตองปิดไว้ จะใช้ผ้าชุบน้ำคลุมก็ได้ รดน้ำวันละ 2-3 ครั้ง

วันที่ 2 ของการเพาะถั่วก็จะเริ่มงอกแล้ว เพื่อให้ถั่วงอกได้ออกกำลังกาย เอาถุงพลาสติกใบโตๆ ใส่น้ำ ¾  ส่วนของขนาดถุง แล้ววางทับลงไปบนถั่วที่ทำกำลังงอก คราวนี้แหละเจ้าถั่วงอกน้อยๆ จะต่อสู้แข็งขืนกับแรงที่ทับอยู่จนโตเร็วส่วนความผอมเพรียวนี่อาจเป็นเพราะมันเบียดเสียดกันในพื้นที่แคบๆ นั่นด้วย

วันที่ 3 ตอนเย็นๆ เราก็จะเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวกันแล้ว ทีแรกตั้งใจว่าจะไม่ตัดรากแต่จนใจเพราะการปลูกกับดินรากฝอยจะเกาะดินมามาก ล้างไม่ยากหรอกค่ะ แต่ใช้เวลา คือ อยากกินเต็มแก่แล้ว ก็เลยขอตัดรากทิ้ง ก็ค่อยๆ ถอน ค่อยๆ ล้างไปเรื่อยๆ อย่าใจร้อน แต่คราวหน้าตั้งใจว่าจะหาทรายมาใช้แทน

tng3
tng4


ถั่วงอกที่ได้ยาวประมาณ 4-6 ซ.ม. ลำต้นผอมๆ หัวออกเขียวๆ ม่วงๆ แล้วก็มีใบคู่แรกออกมาสีเขียวอ่อนๆ ใสๆ หน้าตาน่ารักมาก อาจไม่ค่อยคุ้นตาเพราะเราเคยชินกับถั่วงอกที่ซื้อจากตลาด ขาวๆ อวบๆ

วันนี้เมนูง่ายๆ แต่อร่อยแบบหาไม่ได้ง่ายๆ ในท้องตลาดก็คือ ผัดถั่วงอก(หุ่นเพรียว)ใส่เต้าหู้ไข่ นั่นเอง เครื่องปรุงก็จะมี ถั่วงอกทั้งหมดที่เราเก็บได้วันนี้ประมาณจานพูนๆ เต้าหู้ไข่ 2 หลอด หั่นเป็นท่อนๆ  น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ กระเทียมไทย 1 หัว ปอกและทุบพอแตก ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ

ลงมือผัดกันเลยค่ะ เริ่มด้วยตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันลงไป พอร้อนเราเอาเต้าหู้ไข่ลงไปทอดจนเหลืองทั้ง 2 ด้าน แล้วเอากระเทียมตามลงไปเจียวจนเหลืองหอม ใส่ถั่วงอกลงไป ต้องค่อยๆ ผัด เพราะกลัวเต้าหู้จะเละ ใส่ซีอิ้วขาวและน้ำปลาตามลงไป ผัดจนถั่วงอกสุก เป็นอันเรียบร้อย ได้ความหวานสดและมันจากต้นถั่ว สวาปามข้าวไป 2 จานเลยทีเดียว

tng6

เก็บมาฝาก

เมื่อถั่วเมล็ดแห้งเปลี่ยนสภาพมาเป็นถั่วงอก โมเลกุลของสารอาหารก็จะไป โปรตีนจะถูกย่อยเป็นกรดอะมิโน แป้งก็กลายเป็นคาร์โบไฮเดรตหรือกลูโคส ไขมันก็จะกลายเป็นกรดไขมัน ดังนั้นถั่วงอกจึงเป็นอาหารที่ย่อยง่ายมาก

ถั่วงอกสดๆ มีคุณสมบัติช่วยชะลอความแก่ได้ เพราะมีสารอาหารที่ได้จากการงอกใหม่ของชีวิตจึงให้พลังชีวิตสูงช่วยให้ร่างกายสดชื่น การรับประทานถั่วงอกให้ได้วิตามินเกลือแร่ครบถ้วนที่สุด คือ ต้องรับประทานแบบสดๆ

นอกจากถั่วเขียวแล้วถั่วแทบทุกชนิดนำมาเพาะงอกได้ เช่น ถั่วลิสง ถัวเหลือง ถั่วลันเตา ถั่วดำ ถั่วแดง รวมไปถึงเมล็ดพืชผักอื่นๆ เช่น งา เมล็ดหัวผักกาดที่งงอกแล้วเราเรียกว่าไควาเระ และเมล็ดทานตะวันเป็นต้น

เมื่อเมล็ดถั่วงอกจะให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น 7-8 เท่า ถ้าเราต้องการถั่วงอก 1 กิโลกรัม เราต้องใช้เมล็ดถั่วประมาณ 1.4 กรัม เท่านั้น

Relate Post