มจธ.คิดค้นถุงบรรจุข้าวอินทรีย์ ‘แผ่นฟิล์มปลอดสาร’กันตัวมอด

นักวิจัย มจธ. ต่อยอดผลงานลดปัญหาการขึ้นรูปฟิล์มแป้งบริโภคได้ด้วยเครื่องมือเฉพาะสู่บรรจุภัณฑ์กันมอดสำหรับข้าวอินทรีย์ และกระดาษกันเชื้อราด้วยเทคนิคที่ออกแบบพิเศษเพื่อการสกัดน้ำมันหอมระเหยที่มีประสิทธิภาพ พร้อมต่อยอด “วอลเปเปอร์-อโรมาเทอราพีกันรา” ในอนาคต

ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเป็นกระแสนิยมที่แรงมากในช่วงที่ผ่านมา บรรดาผู้ประกอบการต่างพากันสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือที่เรียกว่า “green product” ออกสู่ท้องตลาดไม่ขาดสายแม้กระทั่งนักวิจัยก็ไม่นิ่งเฉยกับเรื่องนี้ อย่าง รศ.ดร.อรพิน เกิดชูชื่น คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ฟิล์มที่สามารถบริโภคได้ (Edible film) จากแป้งมันสำปะหลังและแป้งข้าวเจ้า ซึ่งจะสามารถลดปัญหาการใช้สารเคมีและลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้

รศ.ดร.อรพินกล่าวว่า คิดค้นฟิล์มขึ้นเพื่อใช้เคลือบและคงความสดให้แก่ผลไม้พร้อมรับประทานสด เช่น ทุเรียน และยืดระยะเวลาการเก็บรักษาผลไม้ได้นานขึ้นเพื่อส่งไปจำหน่ายต่างประเทศ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก จึงคิดที่จะเพิ่มมูลค่าให้แก่แผ่นฟิล์มด้วยการพัฒนาเป็นถุงบรรจุข้าวอินทรีย์ซึ่งจะได้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารเคมีทั้งข้าวและถุงบรรจุ

“ตอนที่เริ่มผลิตถุงบรรจุข้าวอินทรีย์เราพบปัญหาว่าฟิล์มแป้งนั้นขึ้นรูปยากเนื่องจากความชื้นไม่คงที่ เมื่อใช้มือจับเป็นเวลานานฟิล์มจะละลาย และในห้องทดลองเราทำการขึ้นรูปฟิล์มโดยใช้อ่างน้ำควบคุมอุณหภูมิใช้เวลา 11-12 ชั่วโมงซึ่งนานมาก เราจึงพัฒนาเครื่อง extrude ขึ้นมาใหม่ (โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก.) เนื่องจากเครื่องขึ้นรูปฟิล์มที่มีขายในท้องตลาดนั้นไม่สามารถขึ้นรูปฟิล์มแป้งได้ และตอนนี้มีบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากแป้ง เช่น เส้นก๋วยเตี๋ยว สนใจจะเข้ามารับช่วงต่อ เนื่องจากเครื่องที่เราพัฒนาขึ้นเป็นเทคโนโลยีที่สะอาดสำหรับการผลิตอาหารไม่มีสิ่งปนเปื้อน”

อย่างไรก็ตาม เครื่องขึ้นรูปที่พัฒนาขึ้นยังมีข้อจำกัดที่ต้องพัฒนาอีกมากหากจะใช้ในเชิงพาณิชย์ โดย รศ.ดร.อรพินกล่าวว่า จากการทดลองสามารถแก้ปัญหาการขึ้นรูปฟิล์มแป้งได้ด้วยการเติมไคโตซานลงไป เนื่องจากมีคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้ฟิล์มแป้งยืดหยุ่นได้ดี ขึ้นรูปได้ง่ายขึ้น และยังเป็นสารที่เชื้อจุลินทรีย์ไม่สามารถเจริญได้ ทำให้ได้ฟิล์มแป้งที่เหมาะสำหรับการห่อหุ้มผักผลไม้สดอย่างมาก แต่พบปัญหาคือไคโตซานราคาแพงมาก ทำให้ต้นทุนการผลิตฟิล์มแป้งสูงไปด้วย ซึ่งในจุดนี้ยังต้องหาพอลิเมอร์ชนิดอื่นมาทดแทนต่อไป

“ไคโตซานช่วยให้การขึ้นรูปถุงบรรจุข้าวอินทรีย์จากฟิล์มแป้งประสบความสำเร็จ แต่เมื่อนำไปทดลองใช้พบว่ามีมอดขึ้นข้าวอินทรีย์ที่บรรจุในถุง ดังนั้น รศ.ดร.ณัฏฐา เลาหกุลจิตต์ นักวิจัยอีกท่านที่ร่วมพัฒนาผลงานนี้จึงได้คิดที่จะนำน้ำมันหอมระเหยมาเคลือบฟิล์มป้องกันมอดข้าวหรือด้วงงวงข้าว

โดยน้ำมันหอมระเหยที่เราใช้สกัดมาจากสมุนไพรไทย ซึ่งพบว่ากระเทียมมีประสิทธิภาพในการป้องกันและควบคุมการขยายตัวของด้วงงวงข้าวโพดหรือมอดได้ดีที่สุด แต่น้ำมันหอมระเหยจากกระเทียมจะทำให้กลิ่นติดข้าวผู้บริโภคอาจไม่ยอมรับ เราจึงเลือกที่จะใช้ใบชะพลูซึ่งไม่มีกลิ่น แต่มีปัญหาอยู่ที่ว่าเวลาสกัดใบชะพลูด้วยการกลั่นหรือต้มจะได้น้ำมันหอมระเหยออกมาน้อยมากจนแทบไม่มีเลย เราจึงต้องพัฒนาและออกแบบเครื่องมือขึ้นใหม่อีกหนึ่งชิ้น ซึ่งไม่มีขายในท้องตลาด สามารถสกัดและกลั่นได้ในเวลาเดียวกัน เป็นการสกัดด้วยวิธีธรรมชาติทำให้ได้น้ำมันหอมระเหยมากขึ้น และต้นทุนการผลิตเครื่องไม่สูง”

นอกจากชิ้นงานถุงบรรจุข้าวอินทรีย์จากฟิล์มแป้งจะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว รศ.ดร.อรพินได้กล่าวเสริมว่า มีการนำน้ำมันหอมระเหยที่สกัดได้จากเครื่องที่ออกแบบขึ้นมาประยุกต์เป็นกระดาษกันเชื้อรา ภายใต้คอนเซ็ปต์กระดาษไร้สารเคมี โดยทำการศึกษากับกระดาษเยื่อ Kraft นำมาตี ปั่น รีด และอบ แล้วเติมน้ำมันหอมระเหยจากพืช 3 ชนิดที่สกัดขึ้น คือ มะกรูด มะนาว และส้มโอลงไป


จากการทดลองกับกล่องเค้กด้วยวิธีการจุ่ม พ่น และทา พบว่า วิธีการพ่นน้ำมันหอมระเหยลงบนกระดาษสามารถควบคุมเชื้อรา 7 ชนิดที่เจริญบนกระดาษได้ดีที่สุด และล่าสุดมีโครงการที่จะต่อยอดด้วยการนำน้ำมันหอมระเหยพ่นลงบนวอลเปเปอร์ในลักษณะอโรมาเทอราพีเพื่อป้องกันเชื้อรา แต่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานด้วย และผู้ใช้งานสามารถนำมาพ่นซ้ำได้ ซึ่งขณะนี้น้ำมันหอมระเหยที่สกัดด้วยเครื่องที่ออกแบบเฉพาะได้มีการจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้วภายใต้ชื่อ “สารเติมกลิ่น”

ที่มา : http://www.thaipost.net/x-cite/171213/83477

“กินเปลี่ยนโลกเป็นกิจกรรมสาธารณะประโยชน์การนำข่าวหรือเรื่องเล่าต่างๆ จากอินเตอร์เน็ตมาเผยแพร่ ไม่ได้ทำเพื่อการค้า”

Relate Post