เทศกาลวันหยุดยาวอย่างนี้ ถ้าไม่ไปเบียดเสียดผู้คนชมภูผาเมฆหมอก อยู่บ้านว่างๆ ปลูกผักกินเองกันดีกว่า…
พืชผักเมืองไทย ปลูกง่าย โตเร็ว กินอร่อย แม้คนอยู่ตึก มีมุมน้อยนิดบนคอนโด ก็ปลูกผักหญ้ากินเองได้ เป็นแนวคิดที่ไม่ใหม่ เพราะมีผู้ริเริ่มและรณรงค์มานานแล้ว แต่ไฉนคนเมืองอยู่แต่ตึกไม่สนใจสีเขียวที่กินได้ในชีวิตจริง โครงการ สวนผักคนเมือง จึงกำเนิดขึ้นโดยผู้ปรารถนาดี อยากให้คนไทยรู้จักปลูกผักกินเอง ใส่ใจในธรรมชาติ กลับมามองของจริงที่จับต้องได้ นอกจากโครงการที่ว่านี้ยังมีมูลนิธิต่างๆ ได้แก่ เอ็นจีโอ สสส. และกลุ่มคนตัวน้อยที่ชวนคนเมืองมาปลูกผัก สร้างเป็นเครือข่ายวิถีเกษตรคนเมือง นอกจากนี้ คนที่อยู่ตึกแต่อยู่นอกเขตกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด สามารถเข้าร่วมกิจกรรม ฟังอบรมวิธีปลูกผักในเนื้อที่จำกัด จนถึงปลูกข้าวในล้อยางและบ่อซีเมนต์ เขาก็ทำกันมาเห็นผล เป็นเรื่องจริงน่าทึ่งว่า ไม่มีนาข้าวก็ปลูกข้าวกินเองได้…
กลุ่มคนเล็กๆ ที่รักผัก อาทิเช่น มูลนิธิศูนย์สื่อเพื่อการพัฒนา โดย คุณสรานนท์ ใยบำรุง จากวารสาร ‘เกษตรกรรมธรรมชาติ‘ และ กรชชนก หุตะแพทย์ ที่รับหน้าที่เป็นวิทยากรอบรมโครงการสวนผักคนเมือง จัดเป็นประจำเดือนละ 2 ครั้ง บอกเล่าที่มาของโครงการและประโยชน์จากการปลูกผักไว้กินเอง ที่ต้องลงมือ ลงแรง และลงเงินเพียงเล็กน้อย แต่เก็บเกี่ยวผลพวงมหาศาล
“โครงการนี้เริ่มเมื่อปีที่แล้ว จากงานมหกรรมสมุนไพรครั้งที่ 6 ได้ไปออกบูธแนะนำการเกษตรเพื่อคนเมือง ถึงตอนนี้คนเริ่มรู้จักบ้างแล้ว เช่น คุณนคร (ฉายาเจ้าชายผัก) ทำเกษตรกรรมยั่งยืน เป็นที่รู้จัก…และทำงานร่วมกับมูลนิธิด้วย พอ สสส.เข้ามาก็อยากนำโครงการนี้มารณรงค์สร้างแนวคิดให้คนเมือง ชุมชนต่าง ๆ ให้แพร่หลายขึ้น ให้มองเห็นภาพว่าการเกษตรคนเมืองก็ทำได้ ไม่จำเป็นต้องมีที่นา หลายคนที่คิดว่า การเกษตรหมายถึงคนชนบท ผมว่าแนวคิดของคนเมืองที่ไปยึดติดกับการเกษตรแบบเดิม ๆ ว่าทำเกษตร ปลูกผักต้องมีพื้นที่ ต้องคนชนบทเท่านั้นควรเลิกคิดได้แล้ว เพราะเราลืมนึกถึงเรื่องการบริโภค ไม่ได้หมายถึงว่าเรากินมากหรือกินน้อย แต่คนเมืองมักคิดว่าซื้อเอาสะดวกกว่า ง่ายกว่า แต่เมื่อใดที่เราได้ลงมือกระทำ ปลูกผักด้วยตัวเอง และเก็บเกี่ยวผลผลิตเราจะเกิดความรู้สึกเป็นสุขที่ได้ทำ ได้เรียนรู้ ได้รู้จักธรรมชาติ”
ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเลย กระทั่งคนอยู่คอนโด มีพื้นที่ระเบียงเพียงน้อยนิดก็ปลูกผักลงกระถางได้ โครงการสวนผักคนเมือง จะสอนตั้งแต่วิธีปลูก บำรุงดิน รดน้ำ และสร้างแนวคิดใหม่ที่ทำให้คนอยู่ตึกนึกถึงการปลูกผักและเก็บกิน มีความสุขทางใจเหนือกว่าคำอธิบายใด ๆ
“คนมีพื้นที่ที่เรียกว่าน้อยที่สุด แค่มุมข้างตึกก็ปลูกผักลงกระถางประเภทตัดใบกิน ตั้งแต่ผักพื้นบ้าน ผักจีน มีวิธีคิดแบบเรียบง่ายที่สุดคือ เลือกปลูกผักที่เรากินในชีวิตประจำวัน อะไรที่เรากินบ่อย ๆ หรือเวลาทำกับข้าวเราใช้ผักอะไร เช่น พริก กะเพรา ผักชี ต้นหอม โหระพา เวลาเราต้มบะหมี่เราใส่อะไรก็เด็ดมา ต้นหอม ผักชี ใส่แกงจืด ตัดมา 1-2 ต้น ก็ได้แล้ว 1 จาน เราสามารถปลูกลงกระถางและตัดใบกินได้ตลอด ส่วนการรดน้ำแนะนำให้ใช้หัวฉีด (Foggy) เพื่อรักษาความชื้นของดิน วิธีนี้ง่ายที่สุด หรือต่อสายน้ำให้ค่อย ๆ หยด เรียกว่าระบบน้ำหยด ที่กำหนดเวลาได้เช่น สัก 5 นาทีหยด หรือนาทีละหยด ส่วนปุ๋ย ปกติพืช 15 วันใส่ปุ๋ยสัก 1 ครั้ง ต่อพื้นที่ 1 ตรม. ใส่ปุ๋ย 1-2 กำมือ ไม่กี่วันก็ได้กินผักที่ชอบแล้ว เวลากินก็ตัดใบมา ประเดี๋ยวผักก็จะงอกขึ้นมาใหม่ วิธีนี้เป็นการปลูกผักที่เนื้อที่น้อยที่สุด และเป็นการบริหารจัดการน้ำ ทำให้พื้นที่ไม่แฉะ และไม่มีปัญหากับเพื่อนบ้าน เวลารดน้ำ น้ำก็ไม่ไหลลงชั้นล่าง
ถ้ามีพื้นที่มากขึ้นหน่อย การปลูก ผักกางมุ้ง ก็ทำได้ ไม่ใช่ผักไฮโดรโพนิกนะ มุ้งไว้กันแมลงแต่ต้องอาศัยช่างฝีมือต่อโครงสร้าง เป็นผักปลูกในดินหรือผักกระถางตั้งไว้ ใส่น้ำในสายยาง กำหนดเวลาน้ำหยด เนื้อที่ประมาณ 1 ม. x 2 ม. ก็พอปลูกได้แล้ว หรือปลูกในล้อยางเก่า ๆ ไปขอเขามาตามร้านยาง เขาให้เลย ลงทุนไม่เกิน 20 บาท ค่าดิน ใช้ล้อยางเก่า บ่อซีเมนต์ ก็ปลูกผักได้”
เรื่องของปุ๋ยบำรุงดินก็ไม่ยาก วิธีที่ประหยัดที่สุดคือใช้เศษอาหารในบ้าน ผสมขี้วัว แกลบ คลุกเคล้าแล้วหมักไว้ เป็นปุ๋ยธรรมชาติไม่ต้องเสียเงิน คุณภาพก็ดี
“เศษอาหารตั้งแต่เศษข้าว กระดูก ผักผลไม้ เตรียมทำปุ๋ยโดยผสมกับดินเหนียว สับ ๆ กันคลุกเคล้า หรือใบก้ามปูมาเทรวมกับขี้วัว สับ ๆ ไว้ เอาฟางปูไว้แล้วรดน้ำทิ้งไว้ 1 คืน แต่ถ้าขี้เกียจทำซื้อปุ๋ยสำเร็จรูปมาก็ได้ เวลามีคนมาอบรมเราก็ให้มาดูภาพจริง วิธีปลูก เตรียมดิน และรู้จักนิสัยของผักแต่ละชนิด โดยมีหลักคิดง่าย ๆ เล็ก ๆ อย่าไปมองภาพกว้าง อยากให้ว่าปลูกผักกินเองได้กินผักปลอดสารเคมี สุขภาพเราก็ดี ลดค่าใช้จ่ายซื้อผัก แม้ผักจะถูกแต่ถ้าเราต้องซื้อบ่อย ๆ ก็เป็นเงินไม่น้อย อีกอย่างคือช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว และทำให้พื้นที่แม้จะน้อยให้เกิดประโยชน์ที่กินได้ด้วย เป็นโมเดลของการพึ่งตนเอง”
โดยวัตถุประสงค์หลักของโครงการสวนผักคนเมือง คือ 1. อยากให้คนไทยกินผักสะอาด เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่สุด 2.ลดรายจ่ายที่บ้าน 3.ใช้เวลาว่างในครอบครัว และ 4. เพิ่มพื้นที่สีเขียว
“คนที่เข้าอบรมอย่างแรกคืออยากให้เปลี่ยนแนวคิด ตามด้วยพฤติกรรม เราขอเวลาก่อนไปทำงาน 5 นาที เช้าและเย็นหรือก่อนนอน รดน้ำ แค่ 5 นาทีเท่านั้น หรือใช้เวลาวันหยุดปรับพื้นดิน เพาะกล้า ปลูกผัก ส่วนเมล็ดพันธุ์เราสามารถเก็บจากผักที่เราปลูกนั่นแหละ ปลูกไป 5 ต้น เก็บเมล็ดได้ไม่รู้กี่เม็ดกี่ฝัก เวลาออกผลมาสองผลสองผลก็เก็บได้ 20-30 เม็ดแล้ว วิธีเก็บที่บ้าน ๆ ที่สุดคือใส่ซองเปล่ามาม่า แช่ตู้เย็นไว้ เก็บได้ 2 ปี ถ้านานกว่านั้นผลของการงอกจะลดลง พวกเมล็ดพันธุ์ที่เขาขายจะปลูกได้ครั้งเดียวเก็บเมล็ดไปปลูกต่อไม่ได้
เขามีวิธีตัดแต่งทำให้เราต้องซื้อเมล็ดพันธุ์เขาบ่อย ๆ หรือถ้ามาอบรมเราแจกเมล็ดพันธุ์ฟรี ๆ หรือเวลาไปต่างจังหวัดขอเพื่อนบ้านได้ ต่อไปเราอยากสร้างแนวคิดสวนแนวตั้ง เอาผักเลื้อยขึ้นไปปลูก และการปลูกผักบนดาดฟ้า จนถึงคนเมืองที่อยู่ในชุมชนหรือสลัม พื้นที่แออัดก็สามารถปลูกผักกินเองได้ เอาหลักคิดง่าย ๆ เช่น จะทำต้มยำแค่เดินไประเบียงเด็ดพริก เด็กผักมาใส่ จะผัดผักก็ไปตัดใบมากิน ผักเราไม่ปนเปื้อนสารเคมีด้วย หรือเราใช้พริกไม่กี่เม็ดแต่ต้องเสียสตางค์ซื้อ 5-6 บาท ก็เป็นเงินแล้ว หรือบางทีซื้อมาใช้แค่ไม่กี่เม็ด ที่เหลือเก็บใส่ตู้เย็น ลืมกิน สองวันก็เน่าหมด เราตัดวงจรการเดินออกไปนอกบ้านและงดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
อยากให้คิดง่าย ๆ เช่น ใน 1 วัน เรากินผักกี่บาท ถ้าตกบ้านละ 50 บาท 1 ปีเป็นเงินเท่าไหร่ เราอาจเห็นเป็นเรื่องเล็กแต่ถ้าเอารายจ่ายค่าผักมาบวกกันทั้งปี กลายเป็นเงินค่าเทอมลูก…”
สนใจโครงการสวนผักคนเมือง สอบถามตารางอบรมวิธีปลูกผักและการบำรุงรักษา โทร. 0-2617-0832
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ Life Style วันที่ 19 ธันวาคม 2553 โดย : เอื้อพันธุ์ ศรีสุนทร