เปิดหน้าเว็บเพื่อรวบรวมกำลังของกลุ่มคนเล็กๆ ที่กำลังช่วยกันกินเปลี่ยนโลกด้วย? ซึ่งเริ่มจากคุณศจินทร์? ประชาสันติ์? นักวิจัยนโยบายการเกษตร วัยเพิ่งไต่เลขสามมาหมาดๆ?? จากมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย)??
ที่เราแอบรู้มาก่อนหน้านี้ว่า เป็นเด็กที่โตในกรุงเทพฯ?? และไปเรียนต่อโทไกลถึงอังกฤษ แต่เวลาลงไปคุยจัดเวทีกับชาวบ้านจะสนอกสนใจกินผักพื้นบ้านทุกชนิด!
สวนในบ้านทาวเฮาวส์ที่คุณศจินทร์ปลูกไว้ทั้งไม้ประดับและไม้รับประทาน ที่เธอว่าเธอถนัดปลูก และเสาะหาพันธุ์มาจากที่ต่างๆ ระหว่างการเดินทางในการงาน ส่วนคนปรุงให้ทานกลับเป็นคนข้างตัว ที่เธอรับประกันฝีมือว่า อร่อยทุกเมนู!
อายุ.. แหม ไม่น่าถามเลย? เพราะปีนี้จะขึ้นเลข 3 เป็นปีแรกคะ? อ้าว บอกไปแล้ว (ฮา)? ส่วนที่ทำงาน ก็อยู่ที่ สำนักงานอยู่แถวงามวงศ์วานคะ
อืม..? ปัญหาการบริโภคที่เห็นก็มีหลายอย่างนะ? ที่ชัดๆเลยก็คือเรามักจะบริโภคแบบไม่ยั้ง? คือ ทั้งกินเยอะเกินไป ใช้เยอะเกินไป และก็ทิ้งเยอะเกินไป? ซึ่งเกินไปในที่นี้ มีทั้งที่เกิดจากความอยากของเราเอง เช่น อยากกินไก่ อยากกินส้มตำ? อยากกินโน้นกินนี่เยอะไปหมด? ในมื้อหนึ่งๆ เคยสังเกตนะว่า คนเมืองกินกับข้าวเปลืองกว่าคนชนบทมาก? ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งนะ? ฮา ฮา คือ ในฐานะที่เป็นคนเมืองด้วย? ถูกสอนมาจากบ้านว่าให้กินกับเยอะๆ? แต่ถ้าคิดดีๆอีกที การกินบางอย่างที่เยอะเกินไปก็เป็นความสูญเสียมหาศาลที่เราคาดไม่ถึงเหมือนกัน? ยกตัวอย่างเช่น? ไก่เนี่ย? คนกินมากๆ? คนเลี้ยงไก่เขาก็ต้องเลี้ยงไก่เป็นจำนวนมากแบบอุตสาหกรรม? ซึ่งไก่ไม่น่าจะมีสุขภาพดีได้เลยนะ? เพราะต้องถูกเร่งให้รีบโตจะได้ป้อนตลาดพอ? หรือพวกพืชผักก็เหมือนกัน? การผลิตให้ได้เยอะๆต้องใช้สารเคมีมาก? แล้วก็มาสั่งสมอยู่ในร่างกายของเราเอง
ส่วนที่กินเกินไปอีกกรณีหนึ่ง เกิดจากการที่คนอื่นยื่น มอบหรือยัดเยียดให้? แล้วเราก็รับมาโดยอัตโนมัติ เพราะความเคยชิน หรือ เพราะเราไม่รู้ว่ามันน่าจะมีทางเลือกอื่น? อันนี้ก็เช่น โฆษณาต่างๆ? โปรโมชั่นที่ดึงดูดเราสุดๆให้กินและใช้จ่ายเงินให้เยอะๆ? หรืออาจจะเป็นเรื่องของประเพณีปฏิบัติบางอย่างที่ทำต่อๆกันมา เช่น ในห้างใหญ่ๆหรือแม้แต่ในตลาด? พนักงานแคชเชียร์หรือแม่ค้าซ้อนถุงให้เราใบแล้วใบเล่าโดยที่ไม่ค่อยจะจำเป็นเท่าไรนะ? คือ เนื่องจากถุงพลาสติกมันถูกมาก? ถูกเสียจนคนไม่รู้ว่ามันต้นทุนของถุงจริงๆ ทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงินนะ? มันเยอะกว่านั้นมาก
ทั้งหมดที่พูดมานี้ ต้องการจะชี้ให้เห็นประเด็นของการบริโภคหรือการกินแบบไม่พอดี? ซึ่งเกิดได้จากทั้งความรู้ตัวและความไม่รู้ตัว? และมันก็มีผลสืบเนื่องมาสู่ปัญหาเรื่องขยะ มลภาวะ ปัญหาสิ่งแวดล้อม สังคม
ดังนั้น ถ้าถามว่า เห็นปัญหาอย่างนี้แล้ว ตัวเองเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างไร? ก็คงต้องบอกว่า พยายามทำอย่างน้อยสองอย่าง คือ หนึ่ง ในเรื่องอาหาร? ก็ปลูกผักทานเองที่บ้าน? เพิ่งเริ่มไม่นานเท่าไร? และก็ยังต้องปรับปรุงความรู้และทักษะการเกษตรอีกหลายอย่าง? แต่รู้สึกได้ว่าการปลูกผักทานเองที่บ้าน ทำให้เรามีอาหารที่สะอาดกิน? อย่างน้อยก็คงพอจะเจือจางระดับสารเคมีที่อาจตกค้างในร่างกายเราจากผักที่ซื้อจากข้างนอกได้บ้าง? แล้วผักพวกนี้ เราจะกินเมื่อไรก็ไปเด็ดเอาหน้าบ้าน? ทำให้ผักสดมากๆ? รู้สึกได้ถึงความสดชื่นพอกินเข้าไป? เราเองก็มั่นใจว่าสะอาดปลอดภัยชัวร์? เพราะปลูกเองกับมือ? และอีกอย่าง ประหยัดค่ากับข้าวไปได้ค่อนข้างเยอะทีเดียว
สอง ก็คือ ในเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน? พยายามจะสร้างขยะให้น้อยที่สุด? ซึ่งมันทำให้เราต้องคิดก่อนที่จะบริโภคหรือจะใช้ข้าวของอะไรโดยอัตโนมัติ? และก็ทำให้พยายามคิดหาทางเลือกสำหรับตัวเราเองด้วย? เช่น เวลาอยู่สำนักงาน ก็คิดก่อนว่ามีความจำเป็นจะต้องปริ้นเอกสารกี่หน้าถ้าไม่สามารถทนอ่านบนคอมพิวเตอร์ได้? ซึ่งเราก็จะสังเกตพฤติกรรมการปริ้นและการใช้งานจริงก่อนหน้านี้ของเรานะว่ามันเป็นอย่างไร? คือ ถ้าปริ้นมากแล้วไม่ได้อ่าน ก็ไม่ปริ้นทั้งหมด? แต่จะปริ้นเฉพาะบทสรุป หรือบางหน้าที่สำคัญเป็นต้น? หรืออย่างกรณีการใช้ถุงพลาสติก? ซึ่งตอนนี้ค่อนข้างอยู่ตัวมากขึ้น? จะพกถุงเปล่าสัก 4-5 ถุงในกระเป๋า มีหลายขนาด? เวลาซื้อของก็หยิบให้แม่ค้าใส่ของ? ทุกครั้งที่ซื้อของก็สบายใจว่าไม่เอาขยะเข้าบ้าน และก็ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมจากสร้างขยะเพิ่มขึ้น เป็นต้น? หรือแม้แต่การซื้อของ? หลังๆจะคิดก่อนว่าถ้าซื้อของชิ้นนี้ไปแล้ว เราจะได้ใช้ประโยชน์จริงๆแค่ไหน? เราพยายามจริงใจกับตัวเองที่สุดในการประเมิน? ถ้าคิดว่าได้ใช่แน่? คุ้มแน่ ก็ซื้อ แต่ถ้าคิดว่าซื้อไปแล้ว ได้เก็บชัวร์? เราก็พยายามตัดใจ
อยากให้กำลังใจทีมรณรงค์ในการทำงานเป็นเรื่องที่ดี ถ้าหากเราจะสามารถกินแล้วมีผลในการเปลี่ยนแปลงโลก? เพราะยังไงคนเราก็ต้องกิน? ไม่ว่าจะวันละมื้อ สองมื้อหรือสามมื้อ? ส่วนที่จะบอกคนอื่นๆก็คือ อยากเชิญชวญให้มาใส่ใจกับการกินของเรากันเถอะ? ไม่ใช่แต่เพื่อโลกของเราเท่านั้น แต่เพื่อตัวเราเองด้วย