“โรคหัวใจ” เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆของคนไทย โดยอาการที่พบบ่อยคือ โรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งก่อให้เกิดการเสียชีวิต เฉลี่ยถึงชั่วโมงละ 2-4 ราย และจากการประมาณการยังพบว่า ในเมืองไทยมีผู้ป่วยจากโรคหัวใจขาดเลือดถึง 177 รายต่อประชากร 100,000 คน ซึ่งก็หมายความว่า จะมีผู้ป่วยโรคหัวใจเกิดขึ้นใหม่ถึง 21,700 รายต่อปี
นับเป็นสถิติที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ในฐานะผู้อำนวยการอาวุโส ทีมศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ “นพ.โกสินทร์ ทัพวงศ์” ได้นำประสบการณ์ด้านการผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือดกว่า 35 ปี จากสหรัฐอเมริกา มาถ่ายทอดเพื่อเป็นความรู้แก่ผู้ป่วยชาวไทย โดยเปิดประเด็นว่า โรคหัวใจขาดเลือด นับได้ว่าเป็นโรคที่น่ากลัวอย่างมาก แต่ความน่ากลัวเหล่านั้นก็จางหายไป เมื่อมีเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยเข้ามาช่วย ร่วมกับการผ่าตัดหลอดเลือด อย่างไรก็ดี แพทย์ที่จะทำการรักษาด้วยวิธีนี้ต้องมีความชำนาญอย่างแท้จริง และคอยอัพเดทเทคโนโลยีใหม่ๆอยู่เสมอ
สำหรับต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดอุดตันและโรคหัวใจ คุณหมอยืนยันว่า ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น ทานอาหารฟาสต์ฟู้ดมากเกินไป และทานอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันอย่างต่อเนื่อง ยิ่งหากเป็นโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงร่วมด้วย ก็จะยิ่งก่อให้เกิดโรคเส้นเลือดอุดตันและโรคหัวใจได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยพฤติกรรมการบริโภคที่เสี่ยงต่อโรคเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนอเมริกัน หรือชาวต่างชาติ แต่ปัจจุบันคนไทยก็หันมานิยมอาหารฟาสต์ฟู้ดมากขึ้น ทำให้มีแนวโน้มที่จะป่วยเป็นโรคเส้นเลือดอุดตันและโรคหัวใจเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ดี คุณหมอโกสินทร์ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ว่า เคล็ดลับง่ายๆ ในการดำเนินชีวิตให้ห่างไกลโรคร้าย โดยเฉพาะโรคหัวใจก็คือ ต้องรู้จักออกกำลังกายสม่ำเสมอ, รับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่, งดทานเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก, หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง และงดอาหารที่มีรสชาติหวานจัด เค็มจัด หรือเผ็ดจัด ที่สำคัญควรหมั่นตรวจสุขภาพประจำทุกปี และถ้ามีอาการเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง, ใจสั่น, หอบ เหนื่อยง่ายให้รีบมาปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง และทำการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องไม่เครียด เพราะความเครียดทำให้ระบบต่างๆภายในร่างกายรวนไปหมด และเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายสารพัด ทางที่ดีจงทำใจให้เป็นสุข เวลาทำงานไม่ควรเครียด แต่ต้องมีสมาธิ และจดจ่อกับงานตรงหน้า หากทำได้เช่นนี้โรคเส้นเลือดอุดตันก็ไม่สามารถทำอะไรคุณได้.
ที่มา: ไทยรัฐ 5-8-53