เรื่องในน้ำ ตอน 2
ตลาดเช้าวันจันทร์เป็นเป้าหมายสำคัญในช่วงก่อน 7 โมงเช้า กับข้าวกับปลาและสารพันข้าวของจะมีมาวางขายที่นั่น เพียงแค่เดินทะลุรั้วหลังบ้านผ่านปั๊มน้ำมัน แล้วข้ามถนน 6 เลนส์ที่ขวักไขว่เฉพาะช่วงวันที่มีตลาดนัดเปิดขายเท่านั้นก็ถึงแล้ว
เช้าหลังฝนตกหนักเมื่อคืนนั้นสดชื่น แดดเช้ายังไม่ร้อนจ้ามากนัก ฉันเดินหาของกินใส่ตะกร้าหวายใบเขื่องไปเรื่อยๆ เพลิน จากปากทางเข้าช่องทางด้านหน้าตลาด ตากวาดหามองดูของที่วางละลานตา พลางนึกว่าเดี๋ยวจะเอาแตงกวาไทยเจ้าอร่อยไปฝากที่ประชุมออฟฟิสวันพรุ่งนี้
เดินจนทะลุด้านหลังตลาดแล้วเลี้ยวอ้อมไปทางซ้ายตามที่หมายมั่น ร้านแม่ค้าที่ยกพื้นร้านด้วยกระบุงตะกร้าและถาดกระด้งเล็กๆ เจ้านั้น มีแต่ข้าวหมาก ข้าวเหนียวตัด น้ำพริกแกงถุง และแกงบอนพร้อมจำหน่าย ส่วนแตงไทยดองน้ำปลาเค็มหวานๆ กรอบๆ และกินเข้ากันแสนอร่อยกับข้าวต้มหอมๆ ร้อนๆ ตอนเช้า และกินแกล้มแกงเผ็ดราดข้าวกลับไม่มีวางขายเสียแล้ว
จริงสินะ แตงไทยใช่จะปลูกกันแพร่หลายตลอดทั้งปีทั้งชาติอย่างคะน้า ผักกาด และถั่วฝักยาว!
ฉันวนกลับทางเก่าย้อนไปหาชายหนุ่มที่ฉันนึกเมื่อครู่ก่อนหน้านี้ดีกว่า
2 – 3 อาทิตย์ มาแล้วที่แม้ฉันอยากจะแวะเวียนมาหาเขา แต่ก็ต้องลังเลในการตัดสินใจ แต่คราวนี้ฉันตรองมาแล้วอย่างดีว่าเป็นไงเป็นกัน
“น้องๆ เอาหอยนั่น โลนึง” ฉันชี้บุ้ยใบ้ไปที่กะละมังสินค้าที่วางบนพื้นดินหน้าร้าน ก่อนที่จะถามราคาซื้อขายและชื่อของมัน
“โล 25 บาทพี่ ใช่เขาเรียกหอยกีบม้า” เขาตอบพร้อมลุกขึ้นมาตักหอยใส่ถุงชั่งกิโลได้น้ำหนักที่ต้องการก็หันไปคว้าใบโหระพาที่วางหลังตาชั่งมากำมือหนึ่งวางพลุบลงบนปากถุงหอย
ฉันเดินมาพร้อมเหยื่ออาหารอันโชชาที่เคยคุ้นรสลิ้นมัน เพียงแต่ว่าช่วงเวลานั้นมันนานเหลือเกินจนย้อนนึกไปไม่ได้ว่าเมื่อไหร่กันหนอ
แวะอีก 2 ร้าน ซื้อน้อยหน่าหนังกับมังคุดแล้วก็กระเตงตะกร้ากลับบ้านแบบกระหยิ่มใจ
กลับมาเอาน้อยหน่าที่เลือกแบบห่ามกะกินพรุ่งนี้กับมะรืนนี้ไปล้างในน้ำ ความจริงเพลี้ยแป้งที่เกาะน้อยน่านั้น ถ้าคนปลูกจะใช้น้ำสบู่ หรือสะเดาหมักกำจัดก็ย่อมได้ แต่ใครจะแน่ใจ
ล้างผลไม้เสร็จ ฉันแช่หอยกีบม้าไว้ แล้วเดินไปบอกแม่ ถามว่าแม่ว่าทำอะไรกินได้มั่ง
“ก็ผัดนะสิ ทำอะไรอย่างอื่นได้” แม่ตอบสั้นๆ ฉันก็ลุ้นในใจว่าแม่จะเลือกผัดแบบตีกระเทียมใส่น้ำปลาและเต้าเจี้ยวและพริกสดเม็ดใหญ่หั่นแฉลบ หรือจะผัดแบบผัดหอยลายใส่น้ำพริกเผา
ในวัยเด็ก หอยกีบม้านั่นมีให้กินได้ในบางช่วงที่แม่ซื้อมาจากตลาด ไม่เหมือนหอยจุ๊บ ซึ่งเป็นหอยฝาเดียวที่เมื่อช่วงว่างๆ ฉันจะเดินไปลุยเลาะในชายน้ำข้างนา เอาตีนกวาดเบาๆ ลงไปบนผิวเลนใต้น้ำที่สูงขึ้นเลยเข่ามาไม่เกินคืบ สักไม่เกินชั่วโมงก็ได้มาเต็มกระแป๋ง เอามาล้างๆ ซาวๆ แล้วเอาไปนึ่งกับใบมะกรูดโหระพาและตะไคร้ ทำน้ำจิ้มแซ่บๆ ด้วยพริกขี้หนูสวนและกระเทียมตำบีบมะนาวและใส่น้ำปลาดี เท่านี้ก็รอนั่งแกะกินหอยได้สบายๆ และหอยส่วนใหญ่ก็เป็นหอยจุ๊บ นานๆ จะมีหอยกาบและหอยกีบมามาบ้าง แต่ก็นับว่าน้อยเต็มที
ตอนเด็กๆ พี่สาวฉันจึงมักล้อว่าเป็นลูกของคนเลี้ยงควาย ที่หาซื้อหอยจุ๊บกินได้แต่ก็แส่หาเรื่องสนุกไปงมกินเองกลางน้ำกลางแดดจนตัวดำและหัวแดง
บ่ายแก่ๆ แล้วหลังจากแม่ว่างจากภาระกิจการจัดเตรียมอาหารให้กับหมาๆ ของแม่
แม่หายเงียบเข้าไปในครัวอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ออกมาที่หน้าบ้านพร้อมกะละลังหอยกีบ แล้วยืนงัดแงะเปลือกมันเพื่อเลือกเอาแต่ตัวเนื้ออกมา ที่ละอันๆ
“เปลือกมันหนา ลวกแล้วแกะมาผัดกินอร่อยกว่า” แม่ว่างั้น สักพักก็เห็นว่าหอยทั้งโลที่ฉันตัดสินใจแล้วว่าบาปจากการกินครั้งนี้ขอให้อยู่ที่คนกินไม่ใช่คนทำนั้น มันได้มาเพียงแค่จานเดียว
หอยกีบม้าเนื้อดี กินมันและอร่อยไม่ค่อยมีลูกหอยเยอะแยะเหมอนหอยจุ๊บ ส่วนใหญ่ที่วางขายก็รวบรวมมาจากคนหาหอยหาปลาแถวบ้านนี่แหละ มีน้อยลงไปทุกที ตัวเล็กลงไปทุกที อย่างไรก็ดีครั้นไปหาอาจารย์กู(เกิ้ล) ก็เลยรู้ว่า ภาษาที่เรียกตามวิชาการ คือ หอยเล็บม้า (Cobicula moreletina) เป็นหอยสองฝา ซึ่งนับว่ายังมีนักวิชาการด้านประมงน้ำจืดยังให้ความสนใจและเป็นหอยน้ำจืดเศรษฐกิจตัวหนึ่งที่มีแหล่งผลิตสำคัญในอีสาน ที่เขื่อนลำปาว และลุ่มน้ำสงคราม
แม้จะมองจอคอมพ์ แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นชายน้ำข้างบ่อบัว บ่อกระจับขนาดใหญ่กว้างข้างผืนนาเขียวที่ทอดตามองไปไกลสุดตา แหล่งหาหอย ปักคันเบ็ดล่อเหยื่อด้วยแมงกระชอนดักปลาช่อน และช้อนกุ้งของฉันในวันเก่า ซึ่งวันนี้กลายซึ่งเป็นลานดินถมทำตลาด …
….แหล่งหากินในชีวิตปัจจุบันที่ฉันยังต้องพึ่งพิงและจับจ่าย