อาหารแบบสโลว์ฟู้ด

เป็นที่ทราบกันดีว่า อาหารจานด่วน พัฒนามาจาก รสนิยมและความจำเป็น ที่ต้องรีบเร่ง แข่งกับเวลา เป็นอาหาร ที่ให้บริการอย่างรวดเร็ว สั่งเร็ว – ได้เร็ว – กินเร็ว (สมกันดีเหลือเกินกับคำว่า “แดกด่วน ยัดเร็ว”) หากแต่ขาดความประณีต ในการปรุง ร้านอาหารฟาสต์ฟูด ทำให้คุณค่า ของอาหารเหลือแค่การบริโภค ลดคุณค่า ของรสชาติที่เคยวิไล ให้เหลือเพียงแค่ แฮมเบอร์เกอร์ ผู้ที่บริโภค อาหารฟาสต์ฟูด อาจแทบ ไม่เคยรู้สึก หรือรับรสเลยว่า อาหารจานนั้น อร่อยหรือไม่ มีรสชาติอย่างไร แค่ยัดๆ กินๆ เข้าไป เพื่อที่ จะได้รีบ กลับไปใช้ชีวิต แข่งกับเวลา ที่เดินหน้าไม่เคยรอใคร

ขบวนการสโลว์ฟู้ด จึงให้ความสำคัญ กับศิลปะ ในการปรุงอาหาร ตั้งแต่ การเตรียมส่วนผสม การคัดสรรวัตถุดิบ การปรุงอาหาร แต่ละจาน ด้วยความใส่ใจ ประณีตบรรจง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ สามารถสร้างความสุข ให้แก่ผู้ที่ได้ลิ้มลอ งอาหารจานนั้นๆได้ นอกจากนี้ ยังเน้นในเรื่องวัตถุดิบ หรือส่วนผสมที่ใช้ เพราะอาหารที่ดีต้องมีพื้นฐานมาจาก วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ต้องเป็นวัตถุดิบ ที่สดสะอาด นำมาประกอบอาหาร ที่ให้ประโยชน์ทางโภชนาการต่อร่างกาย

แต่หากจะถามว่า สูตรอาหารแบบ สโลว์ฟู้ด ที่แจกแจงว่ามีส่วนผสมอะไรนั้น คงไม่สามารถบอกได้ เนื่องจาก สโลว์ฟู้ด Food เป็นแนวคิด ในการใช้ชีวิต ซึ่งหมายรวมถึง การกินอาหารแต่ละมื้อด้วย สโลว์ฟู้ด ไม่จำเป็น ต้องเป็น อาหารหรู ที่ปรุงอย่างประณีต ตามโรงแรมหรู หรือภัตตาคาร ระดับห้าดาว เสมอไป อาหารที่เรากินในแต่ละวัน สามารถทำให้เป็น สโลว์ฟู้ด ได้ เช่น อาหารง่ายสุดฮิตอย่างแซนด์วิช สามารถ กลายเป็น สโลว์ฟู้ด ได้ โดยการเลือกใช้ ขนมปังโฮลวีตแทนขนมปังขาว สอดไส้ด้วย ไก่อบหรือหมูอบ ที่ผ่านขั้นตอนการปรุง อย่างถูกวิธี ใส่ผักสด สะอาดอย่าง ผักกาดหอมหรือมะเขือเทศ เพิ่มรสชาติอีกนิดด้วยมัสตาร์ด และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ ต้องนั่งลง กินอาหารมื้อนั้น ที่โต๊ะ อย่ารีบทาน ค่อยๆดื่มด่ำกับทุกๆรสชาติที่สัมผัสได้ อาจเพิ่มอรรถรสด้วยบทสนทนากับคนรู้ใจ แค่นี้ คุณก็สามารถ รับประทานอาหาร และมีความสุขกับชีวิตแบบ Slow Food ได้

ส่วนร้านอาหารใดจะได้เป็นร้านอาหารแบบ สโลว์ฟู้ด คุณแฟรงค์บอกว่า “ไม่ว่าร้านอาหารใด ก็สามารถเป็นสโลว์ฟู้ด หากรายการ อาหารต่างๆ ที่อยู่ในเมนู วัตถุดิบที่เลือกมาปรุง เป็นวัตถุดิบที่ผลิตในประเทศ หาได้ในในท้องถิ่น” ยกตัวอย่างเช่น คุณอยากจะมีของหวาน ซักรายการ ที่ทำจากสตรอเบอร์รี่ คุณสามารถระบุลงไป ให้ลูกค้าทราบได้ว่า สตรอเบอร์รี่ ที่คุณใช้นั้นมาจากเชียงใหม่ ปลูกที่เชียงใหม่ ไม่ใช่ สตรอเบอร์รี่ ที่มาจากชิลี หรือแคลิฟอร์เนีย แต่เป็นสตรอเบอร์รี่ ของประเทศไทย ดังนั้นก็จะสดกว่าเพราะใช้เวลาในการขนส่งน้อยกว่า และควรภูมิใจเพราะเป็นสตรอเบอร์รี่ที่คนไทยปลูกเอง พูดง่ายๆ คือเป็นการสนับสนุนสินค้าเกษตรกรรมในประเทศ

ไม่ว่าร้านอาหารใด ก็สามารถเป็น สโลว์ฟู้ด หากรายการ อาหารต่างๆ ที่อยู่ในเมนู วัตถุดิบที่เลือกมาปรุง เป็นวัตถุดิบที่ผลิตในประเทศ หาได้ในในท้องถิ่น

นอกจากนี้ผู้ปรุงอาหาร ต้องมีความเป็น สโลว์ฟู้ด คือ ต้องใส่ใจทุกๆรายละเอียด ทุกๆขั้นตอนในการปรุง คำนึงถึงลูกค้า ที่มารับประทาน อาหาร อยากให้พวกเขาได้กินอาหารจานที่รสเลิศที่สุด อร่อยที่สุด มีความสุขจากอาหารที่คุณปรุง .. หรือหากคุณอยากทำอาหารแบบ สโลว์ฟู้ด ทานที่บ้าน คุณก็สามารถทำได้ โดยการใส่ใจเวลา ไปซุปเปอร์มาร์เก็ต เลือกซื้อของ ให้สังเกตสักนิดว่า สิ่งที่คุณจะซื้อนั้น ผลิตใน ประเทศไทย หรือเปล่า ปลอดสารพิษมั้ย ผ่านการตรวจสอบที่ถูกต้องหรือเปล่า แล้วนำกลับมาปรุงอย่างใส่ใจ .. ใช่ครับคำนี้ ใส่ใจ .. จากนั้น คุณก็มีความสุข กับอาหารที่คุณทำ กับสมาชิกในครอบครัว .. ไม่ว่าใคร ไม่ว่าอาหารร้านใดสามารถเป็น สโลว์ฟู้ด คุณทำได้ครับ และผมอยากจะ สนับสนุนความคิดนี้ ให้คนไทยได้รับรู้และปฏิบัติกัน”

taste_of_slow

ดังนั้น อาหารแบบ สโลว์ฟู้ด จึงเป็นอาหารที่มีเอกลักษณ์ (หรืออย่างที่ชาวตะวันตกเรียกว่ามี taste) มีรสชาติ ที่เป็นจุดเด่น ของชาติ หรือท้องถิ่นนั้นๆ ใช้วัตถุดิบที่ผลิต และหาได้ในท้องถิ่น ได้รับการปรุงอย่างประณีต ใส่ใจ ในทุกๆ รายละเอียด ทุกขั้นตอน และการกิน อาหาร แบบ สโลว์ฟู้ด เป็นการกินอาหารที่ผู้กินสามารถลิ้มลองสัมผัส และมีความสุขกับอาหารที่กินได้อย่างแท้จริง

ด้วยอารยธรรมอุตสาหกรรม เราต่างตกเป็นทาส ของความรวดเร็ว และยอมจำนน ต่อเชื้อไวรัส ร้ายกาจ ตัวเดียวกัน นั่นก็คือชีวิตที่รีบร้อน ซึ่งได้รบกวน รุกล้ำเข้าไป ในชีวิตส่วนตัว และบังคับเรา ให้รับประทานอาหารอย่าง “แดกด่วน ยัดเร็ว”

ศตวรรษของเราเริ่มต้น และพัฒนาขึ้น ด้วยอารยธรรมอุตสาหกรรม เราต่างตกเป็นทาส ของความรวดเร็ว และยอมจำนน ต่อเชื้อไวรัส ร้ายกาจ ตัวเดียวกัน นั่นก็คือชีวิตที่รีบร้อน ซึ่งได้รบกวน รุกล้ำเข้าไป ในชีวิตส่วนตัว และบังคับเรา ให้รับประทานอาหารอย่าง “แดกด่วน ยัดเร็ว” เพื่อให้สมศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ เราจึงควรปลดปล่อย ตัวเองจากความเร่งร้อน ก่อนที่ความเร่งร้อน จะทำให้ชีวิตของเราหมดคุณค่าลง การป้องกันที่ดี ควรเริ่มต้นที่โต๊ะอาหาร ด้วยการรับประทานแบบ สโลว์ฟู้ด ซึ่งจะทำ ให้เราได้ค้นพบ รสชาติอาหาร ที่แท้จริง และ ลักษณะเฉพาะ ของอาหาร แต่ละประเภทอีกครั้ง อีกทั้งยังเป็น การสืบสานศิลปะ การปรุงอาหารแบบดั้งเดิม รวมทั้งขจัดผลกระทบ ของอาหารฟาสต์ฟูด ที่นับวันจะก่อให้เกิดแต่ผลเสียต่อร่างกายและการใช้ชีวิต

เรียบเรียงจาก Slow Food…Slow down your life โดย ผู้จัดการรายวัน 21 เมษายน 2547

หมายเหตุ : เปลี่ยนชื่อบทความจากเดิมเป็น อาหารแบบสโลว์ฟู้ด

Relate Post