ไปทะเลทางเพชรบุรี ชะอำ เสียบ่อยมาก พอวันเสาร์ที่ผ่านมาก็เกิดนึกถึงทะเลทางชลบุรีขึ้นมาบ้าง ที่นึกถึงนั้นมีเหตุหลายประการ
อย่าง แรกเกลือที่ใช้หมด ผมใช้ดอกเกลือหรือเกสรเกลืออย่างเดียว ใช้จนติด จะต้มจะผัด ก็พอจะรู้ว่าควรจะใส่ในขนาดไหน ซึ่งที่จริงนั้นหมดไปเป็นเดือนแล้ว และก่อนหน้านี้เมื่อจะผ่านทางนาเกลือบ้านแหลม ก็เคยขอให้เจ้าของนาเกลือทางบ้านแหลมช่วยหาไว้ให้ด้วย แต่เวลาไปเอาเข้าจริงๆ กลับกลายเป็นเกลือทะเลป่นธรรมดา ไม่ใช่ดอกเกลือ
แต่ก็จำได้ว่าที่ตลาดทรัพย์สินในตัวเมืองชลบุรีมีขายเป็นถุงย่อมๆ กำลังใช้ ก็เลยเอาเป็นสาเหตุอย่างแรกว่าจะไปซื้อเกลือ
อย่างที่สอง อยากกินแจงลอนย่าง ก็ที่หน้าตลาดทรัพย์สินอีกเช่นกันที่มีขายทุกวัน
อย่างที่สาม อยากไปที่ตลาดหนองมนในตอนเย็น ตรงส่วนท้ายตลาดมีของทะเลสดๆ อย่างปลา ปูม้า กุ้งแชบ๊วย แล้วยังมีขนมพื้นบ้านอีกเยอะแยะ อยากรู้ว่ายังเหมือนเดิมหรือไม่
อย่างที่สี่ ผมไม่ได้แวะเวียนบางแสนนานแล้ว อยากเห็น แล้วก็อยากหาร้านอาหารทะเลทางนี้ดูบ้าง กะกินสบายๆ แล้วก็นอนพักเสียหนึ่งคืน วันอาทิตย์บ่ายๆ กลับ นี่ก็เลยเป็นสาเหตุ หรือง่ายๆ ก็คือ หาเรื่องที่ไปทางชลบุรี
ตลาดทรัพย์สินนั้นกำลังก่อสร้างตัวตลาดใหม่ แต่ซอยด้านข้างถึงตรงด้านหลังก็ยังมีการค้าขายตามปกติ ซอยนี้ข้าวของที่ขายและคนขายซึ่งเป็นคุณป้าคุณยายก็ยังเป็นต้นฉบับดั้งเดิม
ผมซื้อแจงลอนย่างหน้าตลาดทรัพย์สินเจ้าเก่า ถึงจะเย็นไปนิดเพราะเขาย่างทีเดียวตั้งแต่เช้า แล้วขายไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด จะไม่ย่างไปขายไป แล้วยังมีผลพลอยได้อีกอย่างคือ
มีแผงขายปลากระเบนแดดเดียว เป็นปลากระเบนนก ปลากระเบนชนิดนี้ตัวจะเล็กๆ เวลาอยู่ในทะเลมันจะชอบพุ่งตัวจากผิวน้ำแล้วร่อนไปบนผิวน้ำ ในระยะสั้นๆ จึงเรียกว่ากระเบนนก เนื้อปลากระเบนนกสีจะดำ เนื่องจากตัวมันเล็ก เนื้อจะไม่แข็ง มีกระดูกอ่อนๆ ตรงกลางชายครีบ กินอร่อยดี เอามาทอดกินกับข้าวสวยหรือข้าวต้มก็ได้ เลยซื้อตุนมา
ปรากฏ ว่าดอกเกลือในตลาดทรัพย์สินไม่มีขายแล้ว แต่คุณพี่ร้านข้างๆ บอกว่า ถ้าอยากได้ ตอนขากลับกรุงเทพฯ จะมีแผงขายเกลือริมถนนเยื้องกับมหาวิทยาลัยศรีปทุมมีขาย จะเอาเท่าไหร่ก็ได้ ได้ยินแล้วก็มีความหวังไม่เสียเที่ยว
ผมมาเข้าทางอ่างศิลา ที่เข้าทางนี้เพราะมีแผนในใจอยากซื้อครก ผมเป็นคนบ้าครกครับ เผอิญคุณวิชิต มุกุระ แห่งห้องอาหารไทยริมน้ำ โรงแรมโอเรียนเต็ล บอกว่ามีครกหินอ่างศิลาแท้ ลูกเล็กๆ รูปทรงแบบโบราณยังมีขาย เป็นร้านที่ไม่ไกลจากปากทางเข้าจากถนนสุขุมวิท ผมเจอทั้งร้านและครกที่ว่า หินอ่างศิลาเนื้อจะเป็นสีขาวอมเหลือง ซื้อครกนี่เสียเวลาเล็งนานเหมือนกัน คัดเอาที่มันเข้าตาแล้วมาตั้งเรียงเอาที่ถูกใจที่สุด ที่ต้องเสียเวลามากหน่อยเพราะใบเล็กๆ ขนาดแค่ 5 นิ้ว ใส่น้ำพริกได้ถ้วยกว่าๆ เท่านั้น ราคาพันกว่าบาท แพง แต่หินและแบบนี้จะไม่มีอีกแล้ว
มาที่หนองมนเอาเกือบเย็น ตรงด้านหลังที่เป็นตลาดปลา อาหารสด และของกินสำเร็จรูปนั้นยังคึกคักเหมือนเดิม
ผมเร่ไปดูแผงปลาก่อน เดินดูผ่านๆ รอบหนึ่งก่อน แล้วมาดูแผงที่สนใจ เกือบจะซื้อปลาอินทรีอยู่แล้ว เกิดไปเห็นแผงขายปลาสีกุน ปลาสีกุนนี่รูปร่างเหมือนปลาทู แต่ตัวนั้นเป็นปู่หรือลุงของปลาทู ตัวจะโตมากครับ ยิ่งแผงที่ผมเห็นนั้นเนื้อตัวตันตึ๊ก ผิวยังเขียวใสเป็นประกาย ตาใสแจ๋ว เหงือกแดง ซื้อมา 3 ตัว น้ำหนัก 2 กิโลกว่า
ไปอีกนิดมีเจ้าขายปลาโฉมงามหรือนวลจันทร์ เป็นปลาหนัง เนื้อเจ้าปลาชนิดนี้นิ่ม ทำอะไรก็อร่อย แกงส้ม ผัดพริก ผัดเครื่องแกง ผัดขึ้นฉ่ายก็ใช้ได้ทั้งนั้น ปลาโฉมงามหรือปลานวลจันทร์นี่ไม่ได้มีทุกวัน แล้ววันที่เราไปเกิดมีขึ้นมา ไม่ซื้อก็ใจแข็งไปหน่อยละ ตัวหนึ่ง 2 กิโลกว่า ก็หนักเอาเรื่องเหมือนกัน
การดูแผงปลาสดนั้น ถ้าปลาที่ขึ้นมาจากเรือประมงชายฝั่งจะเป็นปลาคละๆ ปนๆ กันครับ มีอย่างละไม่มาก และขนาดอาจจะต่างกันบ้าง จะไม่เหมือนกับแผงปลาเชิงเดี่ยว พวกนี้แม่ค้าจะไปซื้อมาจากแพปลา เอาชนิดเดียวโดยเฉพาะ แถมขนาดเดียวกันอีกต่างหาก ซึ่งแน่นอนว่าปลาจากเรือประมงชายฝั่งต้องสดกว่าจากปลาแพปลาแน่ๆ
ที่ตลาดหนองมน มีแผงปูม้าสดหลายเจ้าเหมือนกัน ยังเป็นๆ อยู่ แต่อัดออกซิเจนน่าดู กิโลละไม่ต่ำกว่า 280 บาท เดี๋ยวนี้ก็ราคาอย่างนี้ทั้งนั้น ส่วนสดนั้นสดแน่ๆ แต่จะหวังเนื้อแน่นๆ นั้น ไม่ต้องหวังครับ เพราะปูม้าเวลาอดอาหารวันหนึ่งเนื้อก็โพรกแล้ว
นี่ผมก็ได้ปลาม้า 4 กิโล รวมน้ำแข็งที่อัดเต็มคูลเลอร์ก็หนักเอาเรื่อง เรื่องของเรื่องมาจากความโลภมากกว่าลาภที่ซื้อปลา
เย็นนั้นหาที่กิน เผอิญขับรถจากหนองมนมาเข้าทางหาดวอน ตรงใกล้ๆ โรงงานน้ำปลาพิไชย มีร้านโรจน์ซีฟู๊ด เห็นเข้าท่าดี ถึงดูข้างนอกจะเงียบๆ แต่ข้างในคนกินเยอะเหมือนกัน แต่ดูไปดูมาคนกินส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวทั้งสิ้น ผมสั่งกับข้าวมาหลายอย่าง รสชาติใช้ได้ แต่ที่ถูกใจที่สุดเป็นแกงเลียงกุ้งสด ถึงจะมีข้าวโพดอ่อนแทรกมาก็ไม่ใส่ใจมันมาก ร้านนี้ราคาดีมาก ไม่แพงเลย กินอิ่มแล้วถึงรู้ว่าที่มีคนหนุ่มสาวเยอะนั้นก็เพราะอยู่หลังมหาวิทยาลัย บูรพานั้นเอง นี่เราไปกินอาหารราคาเด็ก คุณภาพใช้ได้
ที่ผมพักนั้น เขาแนะนำว่าถ้าอยากเห็นอาหารทะเลสดๆ ตอนเช้ามืดต้องไปที่สะพานท่าเรืออ่างศิลา ที่นั่นมีอาหารทะเลสดมากมาย จะเอาอะไรมีทั้งนั้น พอ 6 โมงเช้าผมก็ไปเดินที่นั่นแล้ว เยอะจริงๆ ครับ ปลาน่ะไม่เท่าไหร่ แล้วผมไปเช้ามากๆ ยังเห็นแม่ค้าที่เอาปลาอินทรีเทออกมาจากกระสอบน้ำแข็งใส่กระบะแสดงว่าแม่ค้า คงไปเอามาจากแพปลาหรือจากที่อื่น ปลาที่เยอะมากที่สุดเป็นปลากะพง อันนี้มีทั้งเลี้ยงอัดออกซิเจนอยู่ หรือไม่เพิ่งเทจากลังปลาใส่กระบะ ปลายังดิ้นอยู่ ปลากะพงพวกนี้เป็นปลาเลี้ยงในกระชัง ดูง่าย ดูที่ขนาดที่เอามาขายนั้นตัวจะไม่โตกว่า 1 กิโลกรัม หย่อนนิดโตหน่อยก็อยู่ประมาณ 1 กิโลกรัม เพราะเป็นขนาดที่ร้านอาหารต้องการ ผมเห็นปลากะพงยังดิ้นๆ อยู่ เกิดสงสารก็เลยซื้อมา 2 ตัว มาใส่คูลเลอร์ไว้ มันจะได้ไม่ต้องดิ้นให้ใครเห็น
สะพานปลานี่ที่จริงๆ แล้วก็คือ ตลาดอาหารทะเลสด สำหรับร้านอาหารหรือผู้ซื้อปลีกไปทำกินเท่านั้น ไม่ใช่ท่าเทียบเรือประมงที่เอาอาหารทะเลมาจากทะเลขึ้นมาขายตามที่เข้าใจ ฉะนั้นจึงมีหอย กุ้ง ปู ตามแบบที่มีขายในร้านอาหาร แต่ที่จะเป็นของพื้นถิ่นตรงนั้นจริงๆ มีแค่หอยแมลงภู่ กับหอยนางรมเท่านั้น เพราะตรงอ่างศิลาเป็นแหล่งเลี้ยงใหญ่ของหอยสองอย่างนี้
พอวันอาทิตย์ก็วิ่งไปดูโน่นดูนี่ โดยมีปลา ปลา ปลา เป็นเพื่อนนอนอยู่ในคูลเลอร์หลังรถ ก็สนุกไปอีกหนึ่งวันสำหรับเมืองชลบุรีครับ
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ | 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552