ภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ไม่ยากเกินกว่าที่ทุกคนจะช่วยกัน
พฤติกรรม การกินอยู่ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ตลอด 100 ปีมานี้ โดยเฉพาะหลังจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม สู่ยุคการสื่อสารไร้พรมแดน ทำให้คุณ คนในบ้าน ในบริษัท ในจังหวัด ประเทศของคุณ กิน กิน กิน กันเยอะ ผลิต ผลิต ผลิตกันสูง เผาผลาญทรัพยากรโลกไปอย่างรวดเร็ว หนำซ้ำวงจรการก่อเกิด สร้างทดแทน และอนุรักษ์ต่ำกว่าการทำลาย
ว่ากันง่ายๆ ให้การช่วยลดโลกร้อนทำได้อย่างเข้าถึง และเข้าใจจริง คงต้องเริ่มจากการสำรวจและทบทวนพฤติกรรมการกินอยู่ การใช้ชีวิตประจำวันของเราแต่ละคนว่ามากหรือน้อยไปสำหรับวิกฤตในปัจจุบัน หรือไม่ และมีทางเลือกใดบ้างที่จะลด ละ เลิก เพื่อช่วยยื้อให้ภาวะโลกร้อนช้าลงกว่านี้ (แม้จะหยุดไม่ได้ในทันที)
กำหนดมื้ออาหาร
ถ้าคุณกินอาหารวันละ 3 มื้อ ในวันทำงาน พยายามนั่งกินที่ร้านค้า หรือนำภาชนะไปใส่ ก็ลดการใช้ถุงพลาสติก กล่องโฟม แก้วน้ำพลาสติก แก้วกระดาษ และองค์ประกอบของหีบห่อมากมายหลายชิ้นต่อ 1 มื้อ ลดการเพิ่มขยะที่ใช้บรรจุไปได้มากโข 1 วัน 3 มื้อ 1 ปี ก็หลายพันมื้อ ก็ลดขยะหลายหมื่นชิ้นทีเดียว
สำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันพักผ่อนก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ก็นั่งกินอาหาร เครื่องดื่ม ที่จุดจำหน่ายดีกว่า กำหนดเวลาของมื้ออาหารและกะเกณฑ์แผนการใช้เวลาที่แน่นอน เพียงเท่านี้ คุณก็ช่วยโลกแล้วจริงๆ
เดินทางด้วยเท้าและขนส่งมวลชน
แต่ละวันคุณต้องเดินทางไปกลับระหว่างบ้านและที่ทำงาน หรือสถานที่ต่างๆ เพื่อทำธุระ ถ้าวางแผนดีคุณจะมีเวลาเหลือเฟือสำหรับการเดินเท้าในระยะทางที่สั้น และการใช้บริการขนส่งมวลชนในระยะทางที่ยาว แน่นอนว่าไม่ต้องเผาผลาญพลังงานน้ำมันหรือก๊าซด้วยรถยนต์ส่วนตัว ลดการปล่อยก๊าซพิษสู่ชั้นบรรยากาศไปได้ในแต่ละวัน อย่างน้อย 1 คน ก็ถือว่าคุณรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว หรืออย่างน้อยในหมู่บ้านและเมืองที่คุณอยู่ ก็เลือกใช้รถจักรยานเพื่อการเดินทางระยะสั้น-กลาง แทนการขับรถออกมาซื้อก๋วยเตี๋ยวที่ปากซอย
การสื่อสารด้วยเทคโนโลยี
ถ้าเป็นไปได้ การติดต่อสื่อสารด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน ลดการพบปะกันลงกว่าครึ่ง ลดการใช้กระดาษจดหมาย ซอง อากรแสตมป์ และลดพลังงานจากการขนส่งได้อีกโข
นอกจากนี้ หากใช้การประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ การโทรศัพท์ข้ามทวีป การแจ้งข่าว นัดหมาย หรือบอกเล่าผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การสนทนาผ่านเว็บแคม ทั้งหมดทั้งสิ้นเท่าที่เทคโนโลยีจะเอื้ออำนวย ถ้าคุณเรียนรู้ที่จะพัฒนาทักษะเพื่อใช้มันกับหน้าที่การงานและไลฟ์สไตล์ ย่อมจะทำให้ลดทรัพยากรพลังงานได้ไม่น้อยทีเดียว
การพักผ่อนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
คุณมีแผนพักร้อนหรือยัง ถ้ามีแผนนั้นมีมากกว่าการไปเที่ยวหย่อนใจและใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองหรือ ไม่ ถ้าใช่ นั่นยังคงเป็นการหยุดพักร้อนที่เชยแสนเชย เพราะว่าถ้าเทรนดี้พอการไปสนุกคราวนี้ต้องคำนึงถึงโลกสวยใบนี้ด้วย
ถ้าเป็นการพักผ่อนสุดสัปดาห์ ออกไปดูหนัง ฟังดนตรี รับประทานอาหารค่ำ ชมพิพิธภัณฑ์ หรือเดินช็อปปิ้งปกติ ก็ขอให้คำนึงถึงรายละเอียดในแต่ละกิจกรรมให้มากกว่าที่แล้วมาสักหน่อย อาทิ ในภาพกว้าง-วางแผนทำกิจกรรมในพื้นที่ใกล้เคียงกัน กินข้าว ดูหนัง และช็อปปิ้งในสถานที่ไม่ไกลกัน ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงไปได้ระดับหนึ่ง ถ้าเจาะลึกลงไปในกิจกรรม คุณก็จะไม่ทิ้งตั๋วภาพยนตร์ไปเปล่าๆ อาจจะเก็บมันไว้ในไดอะรี ขณะที่การฟังดนตรีหรือชมพิพิธภัณฑ์ในรอบเวลาเดียวกับคนหมู่มาก ที่ได้คุณภาพและสมราคา ที่สำคัญไม่เปลืองไฟ เปลืองแอร์ ถ้าจะต้องใช้บริการเพียงลำพัง
สำหรับการรับประทานอาหารค่ำ ก็ประกอบกันกับในข้อแรก จงกินเพียงเพื่ออิ่ม และกินให้หมด (หรือเหลือทิ้งน้อยที่สุด) สั่งอาหารมากินร่วมกันหลายๆ คน ในกรณีที่ไปกันเป็นแก๊ง ส่วนการช็อปปิ้ง แน่นอนว่าถ้าพกถุงผ้า หรือกระดาษไปเอง ก็งดรับถุงพลาสติก สำหรับการซื้อข้าวของเครื่องใช้ประจำวัน ก็เน้นผลิตภัณฑ์ชนิดเติมแทนการเพิ่มจำนวนขยะประเภทภาชนะ ส่วนข้าวของฟุ่มเฟือยอื่นๆ เตือนตัวเองก่อนจ่ายเงินว่า มันจำเป็นต้องมี…ต้องใช้จริงๆ เพื่อตัดวงจรการผลิตเพิ่ม โดยเฉพาะสาวๆ ที่แพ้ป้ายลดราคา อย่าซื้อเพราะมีรายการแจก แถม เพราะคุณอาจจะใช้มันแค่ชิ้นเดียว ขณะที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มและแบกขยะกลับบ้านอีกเท่าตัว
การพักผ่อนตากอากาศต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ จำเป็นต้องคิดให้มากกว่าที่ผ่านมา ไม่ใช่เพียงคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจ ดุลการค้า หรือสถานการณ์โลกระบาดเท่านั้น (ซึ่งเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว) ใคร่ขอร้องให้คุณรับผิดชอบทุกกิจกรรมที่ทำในวันพักผ่อนอย่างดี การทิ้งขยะลงบนหาดทราย ทะเล ป่าเขา ฯลฯ คือการทำลายสมดุลธรรมชาติโดยตรง แม้ทีละน้อยก็ถือว่าทำ
ไม่ว่าจะมีใครสอน เตือน หรือบอกคุณหรือไม่ แต่คุณต้องเริ่มคิดอะไรบ้างแล้ว เพราะวันนี้…โลกที่คุณยืนอยู่ หายใจอยู่ กำลังแย่ลงไปทุกที
ถึงเวลาที่ทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ ทุกพฤติกรรม ในทุกวัน…อย่างจริงจัง
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552