ในช่วงระยะไม่กี่ปีมานี้ กระแสความฮิตติดตลาดของ “มะรุม” สมุนไพรชนิดหนึ่งที่อยู่คู่ครัวคนไทยมานาน ได้ถูกนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ออกจำหน่ายจนได้ชื่อว่าเป็น “พืชมหัศจรรย์” กันถึงขนาดนั้น จนมีคนสงสัยว่าแล้วมันดีจริงหรือ
คุณวีรพงษ์ เกรียงสินยศ แห่งมูลนิธิสุขภาพไทย ในฐานะองค์กรหนึ่งที่ส่งเสริมการใช้สมุนไพร เขียนในคอลัมน์ “จัดไป” ในนิตยสาร “ฉลาดซื้อ” เดือนมีนาคม บอกว่า
มะรุมเป็นไม้ยืนต้นขนาด เล็กสูงได้ไม่เกิน 15 เมตร คนไทยมักนำผลอ่อนของมะรุมมาทำแกงส้มเป็นเวลานานแล้ว รวมทั้งเพื่อนบ้านไทย ลาว จีน แขกก็นำไปทำอาหารกินกันไม่น้อย เพราะต้นกำเนิดอยู่ทางอินเดียตอนเหนือ
คุณวีรพงษ์เล่าว่า องค์กรพัฒนาระหว่างประเทศยังแนะนำให้ประเทศยากจนในทวีปแอฟริกานำเอาใบมะรุมมาปรุงเป็นอาหาร เนื่องจากวิเคราะห์แล้วพบว่าใบมะรุมมีวิตามินเอมากกว่าแครอต มีแคลเซียมมากกว่าน้ำนม มีธาตุเหล็กมากกว่าผักขม มีวิตามินซีมากกว่าส้ม และมีโปแตสเซียมมากกว่ากล้วย ที่สำคัญยังมีโปรตีนสูงอีกด้วย
ฟังดูแล้วก็น่าตื่นตะลึงกับที่พืชชนิดเดียวสามารถแก้ไขปัญหาความยากจนและการขาดสารอาหารได้หลายชนิด แต่ทั้งหมดนี้ต้องบอกก่อนว่า ควรเลือกกินมะรุมในรูปแบบอาหารจะดีกว่าเพราะมีความปลอดภัยสูง กินเป็นประจำจะได้รับวิตามินที่ดีเป็นจำนวนมาก และได้รับธาตุเหล็กซึ่งคนไทยขาดกันมาก จากข้อมูลของมูลนิธิสุขภาพไทยพบว่าสตรีบางรายมีปัญหาขาดธาตุเหล็กเมื่อกินมะรุมเป็นประจำช่วยให้เธอมีสุขภาพดีขึ้น
ข้อควรระวังในการกินมะรุมเป็นอาหารสมุนไพรก็คือ มะรุมเป็นยาร้อนกระตุ้นระบบเลือดจึงไม่ควรใช้กับสตรีตั้งครรภ์และผู้ป่วยโรคเลือด
แต่ถ้าเป็นกระแสฮิตที่มาพร้อมกับการขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ หรือเป็นยานั้ ควรต้องชะลอไว้ก่อนเพราะยังต้องรองานวิจัยและศึกษากันต่อไป.
ที่มา : ไทยรัฐ 3 เม.ย. 53