ในที่สุดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ก็ระบาดในประเทศไทยอย่างฉุดไม่อยู่ มีผู้ป่วยติดเชื้อวันละ 300-400 คนไปแล้ว ช่วงนี้เข้าฤดูฝน การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ก็มีปกติอยู่แล้ว แต่หากล่วงเข้าฤดูหนาวในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งเข้าสู่การระบาดของโรคไข้หวัดอย่างกว้างขวางแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อถึงเวลานั้นตัวเลขของผู้ติดเชื้อหวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 จะหยุดสถิติหรือจะทุบสถิติก็ไม่รู้ ที่สำคัญเวลานี้เกิดความสับสนในสังคมมากมายเกี่ยวกับโรคนี้ ประชาชนควรจะวางตัวอย่างไร และรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างไรจึงจะดำรงชีวิตได้อย่างสงบ และไม่ตื่นตระหนกกับพิษภัยของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไม่ใช่ใส่หน้ากากอนามัยเดินไปไหนใครก็รังเกียจทั้งๆ ที่ป้องกันตนเองแท้ๆ หรือพอไม่ใส่ก็มีคนเดินมาด่ามาต่อว่าหาว่าไม่ใส่หน้ากากอนามัย ชักสับสนเหมือนกัน
แม้กระทรวงสาธารณสุขจะรณรงค์ให้? กิน ร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ แถมใส่หน้ากากอนามัย ก็ดูจะไม่เพียงพอ เพราะกิจกรรมต่างๆ และสถานที่ที่คาดการณ์กันว่าจะเป็นต้นตอของการแพร่เชื้อนั้น ก็ไม่ได้ถูกตัดตอนอย่างที่ควรจะเป็น หรือมีมาตรการที่เข้มข้นกว่านี้ ภาพที่ออกมาจึงดูเหมือนว่าโรคนี้ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงมาก ในทางกลับกันกลับมีข่าวผู้เสียชีวิตด้วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รายวัน แม้คำตอบจากผู้ที่เกี่ยวข้องจะบอกว่าอัตราการตายของประชากรไทยอยู่ในระดับ 2 เพียง 0.4% เท่านั้น คำตอบนี้น่าจะสร้างความร้าวรานใจแก่ญาติผู้เสียชีวิต และเกิดความตระหนกตกใจในหมู่ประชาชนอีกไม่น้อย เพราะเราไม่รู้ว่าตัวเราเอง ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงและคนใกล้ชิดจะติดเชื้อและตายได้เมื่อไหร่ เหมือนกับชีวิตต้องเสี่ยงภัยอย่างไรก็ไม่รู้
ดังนั้น ในเวลานี้คนไทยทุกคนจึงมีโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อย่างทั่วถึง แต่ใครได้รับเชื้อแล้วจะมีอาการเจ็บป่วยมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้ม กันของแต่ละคน ภูมิคุ้มกันก็มีทั้งภายในร่างกาย ได้แก่ อาหารที่รับประทานมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน และและภายนอกคือ สิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัย อากาศ โดยเฉพาะมลพิษทางอากาศนั้น หากมีมากย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้ร่างกายสะสมสารพิษและภูมิต้านทานอ่อนแรงลง ผู้คนที่อาศัยในเมืองใหญ่และเมืองที่มีโรงงานอุตสาหกรรมต่างได้รับผลกระทบ นี้ค่อนข้างสูง
ฉะนั้น วันนี้เรามาเตรียมตัวรับมือกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ด้วยตัวเราเอง โดยใช้อาหาร เครื่องดื่ม และยาสมุนไพร ที่จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ อาหารที่เรารับประทานทุกวันควรจะเน้นผักเป็นหลัก โดยเฉพาะผักพื้นบ้านในช่วงฤดูฝนก็มีหลายชนิดที่เจริญเติบโตได้ดี เช่น หอมแบ่ง ผักกาดเขียวกวางตุ้ง ผักบุ้ง คะน้า พริกต่างๆ มะเขือต่างๆ ผักกาดหอม บวบ มะระ ฟักเขียว แฟง แตงกวา ข้าวโพดหวาน ถั่วฝักยาว ถั่วพุ่ม น้ำเต้า ถั่วพู ผักบุ้งจีน กระเจี๊ยบเขียว ถั่วลันเตา หัวหอมใหญ่ ผักชี ผักกาดเขียวปลี แตงเทศ แตงโม พริกยักษ์ พริกหยวก ฟักทอง มะเขือเทศ ขึ้นฉ่าย
หรือ ผักที่เราเห็นได้ตลอดทั้งปีอย่าง สะระแหน่ ผักชีฝรั่ง หอมแบ่ง แมงลัก โหระพา กะเพรา ผักตำลึง ผักบุ้งไทย กระชาย ข่า ตะไคร้ บัวบก มะแว้ง มะเขือพวง พริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู มะเขือต่างๆ เป็นต้น โดยอาจนำผักเหล่านี้มาทำเมนูชูผักประเภท น้ำพริกแกล้มผัก ยำผักโดย เลือกเอาผักชนิดต่างๆ มาหั่นรวมกันแล้วทำน้ำยำราด เลือกรสชาติตามที่ชอบ หรือแกงอ่อมแบบอีสาน แกงแคแบบภาคเหนือ รวมถึงแกงเลียง เมี่ยงคำ เป็นต้น
ส่วน น้ำดื่มนั้นถือเป็นปัจจัยสำคัญยิ่ง แนะนำให้ดื่มน้ำต้มสุกจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ถือเป็นพื้นฐานของการมีสุขภาพดีและร่างกายแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ ใครไม่เชื่อต้องลอง และน้ำดื่มสมุนไพรอีกชนิดที่มีคนเคยดื่มแล้วยืนยันว่าช่วยให้สุขภาพดีอย่าง ไม่น่าเชื่อ อันนี้ก็ต้องลองด้วยตัวเองเช่นกัน สูตรที่ว่าคือ น้ำสับปะรดปั่นกับใบโหระพาหรือใบตำลึง ใช้สับปะรด 1 หัว ใบโหระพา 1 ขีด วิธีทำ ปอกเปลือกสับปะรด นำเนื้อปั่นผสมกับใบโหระพาแล้วกรองเอาแต่น้ำมาดื่ม สรรพคุณ ลดลมในตัว แก้อาการเลือดข้น ทำให้เลือดเลี้ยงสมองส่วนหน้าได้ดีขึ้น ลดความดันโลหิตสูง บำรุงหัวใจ เพิ่มเม็ดเลือดแดง ถ้าใช้ทั้งแกนสับปะรดจะช่วยเพิ่มเม็ดโลหิตขาวด้วย ลดอนุมูลอิสระ?
ที่ น่าสนใจคือ เครื่องดื่มชนิดนี้จะไปช่วยเพิ่มเม็ดเลือดขาว ที่จะไปกำจัดเชื้อโรคแปลกปลอมต่างๆ อันเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และยังเพิ่มเม็ดเลือดแดง ช่วยสร้างสมดุลของเม็ดเลือดทั้งสอง จึงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และยังเป็นผักผลไม้ที่หาได้ง่ายและราคาถูก ใครที่ยังไม่เคยดื่มก็น่านำมาลิ้มลอง เพราะมีหลายท่านที่รู้จักยืนยันสรรพคุณ แต่ใครที่แพ้ก็ต้องเลิกดื่ม หันไปดื่มน้ำต้มอย่างเดียวก็ได้ประโยชน์มากมายแล้ว สร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเองและครอบครัวด้วยวิธีง่ายๆ ดีกว่ารอให้เชื้อโรคหวัดมาเยือนแล้วต้องพึ่งโรงพยาบาลอาจไม่ทันการณ์ได้
ส่วน สมุนไพรที่จะกล่าวถึงคงไม่พ้น “ฟ้าทะลายโจร” เพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกระทรวงสาธารณสุขแนะคนไทยกินฟ้าทะลายโจรสู้ภัยไข้ หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ปรากฏว่าเพียงวันเดียวสมุนไพรเกลี้ยงตลาด ไม่รู้จะดีใจหรือดีไม่ เพราะไม่รู้ว่าคนที่ซื้อไปกินนั้นป่วยหรือไม่ป่วย การกินสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่รู้วิธีกินวิธีใช้ แทนที่จะได้ประโยชน์อาจเกิดโทษ และกลับยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ให้แย่ลงกว่าเดิมก็เป็นได้ สัปดาห์หน้าพบกับ 5 สมุนไพรสู้ภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ฟ้าทะลายโจร, บอระเพ็ด, ขิง, คาวตอง และกระเทียม