สารเคมีมากกว่า 15,000 ชนิด ที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา ทั้งจากอาหาร น้ำดื่ม อากาศ พิษจากโลหะหนัก สารตะกั่ว พลาสติก กระบวนการปิโตร เคมี ภาชนะที่ใส่อาหาร และอื่น ๆ
พิษภัยของสารพิษที่ปนเปื้อนเหล่านี้ ทำให้ร่างกายกลายเป็นแหล่งสะสมสารพิษ และส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บแก่ร่างกาย อาทิ ออทิสติก หอบหืด ภูมิต้านทานบกพร่อง โรคระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาท โรคผิวหนัง อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ รวมไปถึงโรคมะเร็ง ปัจจุบัน อาหารออร์แกนิกจึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของคนรักสุขภาพ เพราะเป็นอาหารจากธรรมชาติเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง
ปัจจุบัน ประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าสิ่งแวดล้อมส่งผลต่อสุขภาพอย่างเห็นได้ชัด โดยดูจากอัตราการเกิดโรคและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น เทียบกับ 20 ปีที่ผ่านมา เด็กอเมริกันทุกวันนี้เป็นโรคมะเร็ง ออทิสติก และหอบหืดเพิ่มมากขึ้น โดยอัตราส่วนของเด็กที่เป็นออทิสติก?? เพิ่มขึ้น จาก 1 : 2,000 คน เป็น 1 : 66 คน
จากข้อมูลดังกล่าวพอเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าพิษภัยของสารพิษที่ปนเปื้อนอยู่ใน อาหารและสิ่งแวดล้อม ทำให้ร่างกายเป็นแหล่งสะสมสารพิษ ตั้งแต่วัยเด็ก วัยรุ่น และจนมาถึงช่วงของการตั้งครรภ์ ซึ่งถ้าหากคุณแม่มีสารพิษสะสมอยู่ในร่างกายและตามอวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะมดลูก สารพิษเหล่านั้นก็ส่งผลต่อทารกในครรภ์ด้วยและการที่คุณแม่ได้รับสารพิษพวก นี้เข้าสู่ร่างกายในปริมาณมาก ๆ ก็จะทำให้มีพิษในเลือดปริมาณที่สูง พิษเหล่านี้อาจไปทำปฏิกิริยาหรือส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารก ในครรภ์ได้
แต่หากคุณแม่มีการดูแลร่างกายตั้งแต่ก่อนและขณะตั้งครรภ์ โดยมีการล้างพิษออกจากร่างกาย ด้วยวิธีการที่ได้รับการรับรองจากการแพทย์ เพื่อกำจัดสารพิษที่ตกค้างในร่างกายเพื่อให้ร่างกายสะอาด ด้วยการรับประทานอาหารออร์แกนิกตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ความเสี่ยงต่อโรคทั้งหลาย เช่น ออทิสติก หอบหืด ภูมิต้านทานบกพร่อง มะเร็ง ที่จะเกิดขึ้นกับลูกน้อยก็จะลดน้อยลงและตัวคุณแม่ก็จะแข็งแรงด้วยเช่นกัน
สำหรับ Organic Food (อาหารออร์แกนิก) หรือ อาหารเกษตรอินทรีย์ คือ อาหารที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี สารเคมี รวมทั้งเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีกำจัดวัชพืช โดยจะต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการปลูกโดยวิธีธรรมชาติ คือ ต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี โดยชุมชนชาวนาเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย ทุกขั้นตอน? การปลูกและการแปรรูป อยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ
นอกจากนี้ปัจจัยการผลิตอาหารต้องมีการอนุรักษ์ดินและแหล่งน้ำโดยวิธีการที่ ยั่งยืนและปลอดภัย 100% เรียกได้ว่าเป็นพืชผักที่โตมาแบบวงจรธรรมชาติ ดังนั้นผลผลิตที่ได้จึงเป็นผลผลิตที่มาจากการเจริญเติบโตตามธรรมชาติอย่าง แท้จริง มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ รสชาติดี มีวิตามินและเกลือแร่ครบถ้วน ส่วนปศุสัตว์แบบออร์แกนิกก็จะเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเลี้ยงสัตว์จะมีอิสระ วิ่งได้ตามธรรมชาติ อาหารที่ใช้ในการเลี้ยงจะไม่มีสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงเจือปน และจะไม่มีการให้อาหารสำเร็จรูป
ผลิตภัณฑ์ของออร์แกนิกนั้นจะถูกแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ตามสัดส่วนของวัตถุดิบและส่วนผสมซึ่งเกิดจากการเพาะปลูกด้วยกระบวนการออร์แก นิก นับตั้งแต่ 75-100 เปอร์เซ็นต์ โดยการควบคุมและตรวจสอบมาตรฐานขององค์กรออร์แกนิกที่ได้รับการยอมรับ จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกนั้นมีราคาสูงกว่า ผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกัน เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงและข้อจำกัดในการควบคุมคุณภาพ จึงไม่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกได้ในปริมาณมากเช่นเดียวกับการผลิต สินค้าอุตสาหกรรมในสังคมปัจจุบัน
แต่ด้วยสภาวะแวดล้อมในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยมลพิษและสารพิษที่ส่งผลต่อทั้ง ร่างกายและจิตใจ ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาหารออร์แกนิกเข้ามาเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ ของคนไทยมากขึ้น ด้วยกระบวนการควบคุมคุณภาพอาหารที่มีความปลอดภัยเต็มที่ อาหารออร์แกนิกจึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในกลุ่มคนที่รักสุขภาพ
จากผลการวิจัยจำนวน 41 ชิ้นโดย The Soil Association ประเทศอังกฤษ ในปี 2544 พบว่าพืชที่ปลูกโดยวิธีออร์แกนิกจะมีวิตามินซีที่มีสูงกว่าอาหารทั่วไปถึง 27% ธาตุเหล็กสูงกว่า 21% และสารแมงกานีสสูงกว่าถึง 29% เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม อาหารออร์แกนิกมิใช่อาหารที่สะอาดบริสุทธิ์โดยปราศจากสิ่งเจือปน หรือสิ่งแปลกปลอมใด ๆ หากแต่มีสารเจือปนซึ่ง เป็นธรรมชาติ อย่าง แบคทีเรีย แต่ไม่ใช่สารแปลกปลอมที่เกิดจากการ??? สังเคราะห์โดยมนุษย์ เพราะสิ่งแปลกปลอมตามธรรมชาติจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ทำงานตาม ปกติในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย รวมทั้งแบคทีเรียบางประเภทยังช่วยให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายเป็นไปอย่างสมดุล
อาหารออร์แกนิกจึงเป็นอีกทางเลือก ในยุคที่คนหันมาใส่ใจสุขภาพตนเองมากขึ้น…??
ที่มา : เดลินิวส์ 18 มิถุนายน 2552