แล้วเช้านี้ก็ได้สวัสดีกับแสงแดดที่แผดจ้าอย่างเต็มที่สักที หลังจากที่มีฝนตกปรอยๆ สลับกับตกหนักซู่ๆ ซ่าๆ มาเสียหายวัน
2 – 3 วันมาแล้วที่ นังแจ๋วแหว๋ว หมาแม่ลูกอ่อน ของแม่มันส่ออาการหงุดหงิด แล้วตั้งท่าจะเร่กัดคนที่มาซื้อหนังสือพิมพ์ที่บ้านแบบไม่เลือกหน้า ไม่ว่าลูกค้าหนังสือพิมพ์คนนั้นของแม่จะเป็นลูกค้าเก่าขาประจำ หรือขาจรก็ตาม จนแม่ต้องตัดสินใจปิดประตูบ้านขายหนังสือที่หน้าแผง จนลูกค้าหลายรายงงงัน กับเหตุผลของแม่ว่าไม่อยากล่ามมันให้เครียดและรังแต่จะก้าวร้าวยิ่งกว่าเดิม ครั้นพอสบโอกาสเหมาะตอนที่นังแจ๋วแหว๋วออกไปหลังบ้านเพื่อตระเวนหาที่ขุดหลุมพาลูกออกไปนอกบ้าน ฉันกับแม่เลยได้พาลูกหมาทั้ง 5 ของมันมายังทำเลใหม่ ใต้เตียงไม้หลังโต๊ะที่ทำงานของฉันซึ่งโอ่โถงกว้างขวางกว่าใต้เก้าอี้ไม้ตัวที่วางใกล้ประตูหน้าร้านเป็นไหนๆ
แต่ปัญหาประจำวันของแม่ใช่จะหมดแค่เรื่องหมาๆ ยังมีปัญหาเล็กๆ ซ้ำซากที่เกิดขึ้นมาแล้วคลี่คลายไปได้ในแต่ละวัน แค่ละคราว “วันนี้กินไรดี” คำถามที่บางทีฉันก็จะมีหรือนึกขึ้นได้ แต่บางครั้งก็บุ้ยใบ้ว่าแล้วแต่แม่ ราวกับว่าไงว่าตามกันซะอย่างนั้น
วันนี้ฉันไม่มีคำตอบให้แม่ แม่คว้าร่มเดินหายไปทางตลาดพักใหญ่ กลับมาพร้อม ขนมครก เต้าหู้ทอด ปลาตะเพียน หมู มะพร้าวขูด มะเขือเปาะ มะเขือพวง พริกแกงเขียวหวาน และเส้นขนมจีน เดินผ่านฉันไปพร้อมแจงเมนูประจำวันว่า “กินขนมจีนแกงเขียวหวานละกัน”
การตระเวนหาเครื่องปรุงของแม่ยังไม่สิ้นสุดหลังจากไปจ่ายตลาด แม่ถามซิ้ม สาววัย 30 ต้น เมียนายตำรวจชั้นผู้น้อยที่อยู่แฟล็ตตำรวจฝั่งตรงข้ามบ้านว่ามีโหระพาไหม ทั้งตลาดไม่มีโหระพาขาย ซิ้มว่าให้ไปเด็ดที่หน้าบ้านอีกหลังที่อยู่ถัดไป หรือไม่แถวๆ ข้างที่ว่าการอำเภอนั่นก็มีเป็นดงเหลือเฟือ
แม่แกงเขียวหวานแบบง่ายๆ คั้นมะพร้าวขูดได้กะทิ แยกหัวแยกหางไว้คนละส่วน แล้วตั้งกระทะ เอาพริกแกงเขียวหวานผัดกับน้ำมันพืชจนหอม จากนั้นตักหางกะทิลงในกระทะสัก 3 ทัพพี คลุกเคล้าให้เข้ากันผักสักครู่หนึ่งแล้วใส่เนื้อหมูลงไปผัดให้สุก ให้พริกแกงกับเนื้อหมูเข้าเครื่องซึมถึงกันดี จึงเติมหางกะทิลงไปจดหมดถ้วย ระหว่างรอให้เดือดเติมน้ำปลา และน้ำตาลทราย เมื่อน้ำแกงเดือดดีแล้วใส่ผัก มะเขือพวง มะเขือเปาะ พริกใหญ่หั่น(แกะเม็ดออก) กระชายหั่นฝอย และใบมะกรูดฉีก จนน้ำแกงเดือดอีกทีใส่หัวกะทิลงไป ชิมรสอีกทีแล้วปรุงตามชอบ พอน้ำแกงเดือดก็ ใส่ใบโหระพาโปะหน้าปิดเตาเป็นอันเสร็จสิ้นการปรุง
จำได้ว่าสมัยที่ฉันยังกินเนื้อวัวอยู่ แกงเขียวหวานเนื้อเป็นที่โปรดปรานที่สุดในบรรดาแกงเขียวหวานทั้งปวง เนื้อที่จะเอามาแกงอร่อยตามที่ฉันชอบนั้นเป็นเศษเนื้อ ซึ่งต้องเอามาเคี่ยวในน้ำแกงจนเปื่อยเสียก่อนก่อนจึงใส่ผักและหัวกะทิ กินกับโรตีแผ่นแบบจืดๆ ก็อร่อยไม่แพ้กินกับขนมจีน
แกงเขียวหวานจัดเป็นเมนูโปรดที่ได้กินทุกเดือน มีอยู่ครั้งที่แม่เบื่ออาหารจัด แล้วนึกทำเมนูแกงเขียวหวานภาคพิสดาร
ที่ว่าพิสดารก็คือ แทนที่จะแกงเขียวหวานตามปกติอย่างที่ว่ามาข้างต้น แม่ก็ขยำมะขามเปียก 2 ฝักลงในน้ำขลุกขลิกแล้วเอาแต่น้ำมาหยอดลงในน้ำแกง
อยากกินแกงเขียว(เปรี้ยว)หวาน ซะงั้นแหละแม่ฉัน
มันก็อร่อยแปลกดีอ่ะนะ
แต่หลังจากที่ฉันกับแม่ได้ลองกินแกงเขียวหวานแบบเมนูพิเศษเที่ยวนั้นแล้ว แม่ก็ยังไม่ทำสูตรใหม่นั้นซ้ำอีกเลย (ฮา)
มะพร้าวขูดคั้นกะทิ แม่ว่าซื้อมา 10 บาท เอ.. แล้วมันกี่ขีดหว่า? สัก 2 ขีดครึ่งละมั๊ง
ผักที่ใช้แกง
ล้างผัก แล้วหั่นผักแช่น้ำไว้สักครู่
สงผักขึ้นไว้ในกระชนให้สะเด็ดน้ำ
โหระพาที่แม่ไปเด็ดมาที่ข้างที่ว่าการอำเภอ
พริกแกง 10 บาท น่าจะสัก 1 ขีด แบ่งใช้แค่ครึ่งถุง แม่ว่าถ้าใช้หมดนี่เผ็ดไป
ในหม้อนั่นหางกะทิ ส่วนในชามใบเล็กเป็นหัวกะทิ
ตั้งไฟกลาง เทน้ำมันลงกระทะจนร้อน แล้วใส่พริกแกงเขียวหวานลงไปผัด จนเหลืองหอม
ใส่หางกะทิ 3 ทัพพี
ใส่ครบแล้ว 3 ทัพพี ประมาณนี้
เอาหมูลงไปผัด คลุกเคล้าให้ทั่ว
เติมน้ำปลา
ใส่หางกะทิจดหมอ
เติมน้ำตาลทราย เกือบๆ 1 ช้อนโต๊ะ
ปล่อยให้เดือดสักพัก
ใส่ผักลงไปพร้อมกันทั้งหมด
จนน้ำแกงเดือดแล้วใส่หัวกะทิลงไปจนหมด
คนเบาๆ ให้เนื้อ – น้ำ เข้ากัน
ปล่อยให้เดือด
ระหว่างนี้ปรุงรสอีกทีตามชอบ
ได้ที่แล้ว ใส่ใบโหระพา ปิดเตาไฟ
เสร็จแล้ว
รอกินกับขนมจีน