บอน เป็นพืชล้มลุกชอบขึ้นตามชายน้ำหรือที่ลุ่มมีน้ำขัง ลำต้นเป็นหัวเล็กๆ อยู่ในดิน มีไหลที่สามารถเลื้อยไปเกิดเป็นต้นใหม่ได้ ก้านใบอวบน้ำ ขนาดใหญ่ยาว สีเขียวแกมม่วง โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ มีน้ำยางเหนียวสีขุ่นๆ หากโดนผิวหนังจะทำให้คัน จำแนกเป็น 2 ชนิด คือ
บอนหวาน มีใบและต้นสีเขียวสดหรือสีเขียวอมน้ำตาล ไม่มีนวลสีขาวเคลือบอยู่ตามก้านใบ
บอนคัน มีสีเขียวนวลและมีนวลเกาะตามก้านใบ หรือใช้มีดตัดก้านบอนทิ้งไว้สัก 5 นาที หากกลายเป็นสีเขียวแกมน้ำเงินแสดงว่าเป็นบอนคัน สิ่งที่ทำให้บอนคันก็คือ ผลึกของแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ซึ่งก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง ลิ้น และทางเดินอาหาร
พบทั่วทุกภาคของไทย หาได้ตลอดทั้งปี นิยมนำก้านใบและใบอ่อนมาแกง นอกจากเป็นอาหารแล้วยังใช้ไหลตำกับเหง้าขมิ้นอ้อย ผสมเหล้าโรงเล็กน้อยใช้ฟอกฝี ราก ใช้ต้มน้ำดื่ม แก้ท้องเสีย แก้เจ็บคอ และเสียงแหบ
แกงบอน
ส่วนผสม
บอนหวานปอกเปลือกตัดเป็นท่อนขนาด 2 ข้อมือ 1 ถ้วย
น้ำย่านาง 1½ ถ้วย
ตะไคร้ 1 หัว
พริกสด 3-5 เม็ด
ยอดมะขามอ่อน 10-15 ยอด
ผักอีตรู่ 3-5 ยอด
น้ำปลาร้า 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ ½ ช้อนชา
วิธีทำ
ต้มน้ำเปล่าให้เดือด เอาบอนหวานที่เตรียมไว้ลงต้มนานประมาร 5 นาที ตัดขึ้นแช่น้ำน้ำเย็นพักไว้ ต้มน้ำย่านางให้เดือด โขลกพริกพอบุบและหั่นตะไคร้ลงหม้อ เอาบอนที่แช่น้ำไว้ขึ้นให้สะเด็ดน้ำเทลงในหม้อ ใส่ปลาร้า เกลือ น้ำปลา ใส่ยอดมะขามอ่อน ชิมรสตามใจชอบ ใส่ผักอีตู่(แมงลัก) ยกลงจากเตา
ขอบคุณเจ้าของสูตร – เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกภาคอีสาน