ต้นมิถุนายน ฝนโปรยปรายเป็นระยะประกอบกับอากาศร้อนชื้นสลับเย็นจากฝนที่ตกลงมา ทำให้เหง้ากระเจียว (ดอกอาว) เริ่มแทงดอกออกมาให้เห็นเต็มพื้นป่า หากใครมีหัวไร่ปลายนาหรือคันนาที่ไม่ฉีดยากำจัดวัชพืช จะพบเห็นดอกอาวผุดบอกเดื่อนดาษเก็บกินแทบไม่ไหว ดอกกระเจียวมีหลายชนิดหลายสี ทั้งสีส้มดอกโต สีขาว สีชมพูอมแดง ที่นิยมนำมาประกอบอาหารเป็นดอกสีขาวและดอกสีชมพูอมแดงดอกเล็ก มีกลิ่นและรสเฉพาะตัว ดอกกระเจียวที่จะพาทำอาหารวันนี้เป็นชนิดกลีบสีชมพูอมแดง ภาษาพื้นเมืองแม่สอดเรียกว่า “ดอกอาว” หาง่ายและมีมากกว่ากระเจียวสีขาว (กระเจียวสีขาว คนแม่สอดเรียกดอกดิน) หากเทียบราคาดอกอาวราคาถูกว่าดอกดิน ดอกอาว 10 ดอกราคาประมาณ 5 บาท ดอกดิน 10 ดอกราคาประมาณ 20 บาท เนื่องจากดอกดินหายากกว่า เป็นรายได้ให้กับคนเก็บของป่าได้ไม่น้อย นี่แหละคุณค่าของความหลากหลายของพันธุ์พืชท้องถิ่น การคงไว้ซึ่งผืนป่าซึ่งเป็นแหล่งอาหารทุกฤดูกาลให้คนในท้องถิ่นและต่างถิ่น
ดอกอาว มีกลิ่นหอมเย็นลึก คล้ายกระชาย ช่วยขับลมได้ดี ดอกอาวประกอบอาหารได้หลายเมนู ทั้งผัด ชุบแป้งทอด ลวกจิ้มน้ำพริกกะปิ หรือน้ำพริกปลาทู
การเลือกดอกอาวประกอบอาหาร ถ้าเป็นดอกบาน นำมาชุบแป้งทอด ส่วนดอกตูมนำมาลวกจิ้มน้ำพริกหรือผัดเนื่องจากเนื้อของดอกตูมจะเนียนกว่าดอกบาน ข้อมูลเหล่านี้ค่อยๆไหลออกมาจากปากแม่ตั้งแต่เริ่มล้างดอกอาวจนกระทั่งผัดดอกอาวเข้าปากจนคำสุดท้าย ดูแม่มีความสุขและภูมิใจที่ให้ความรู้จากการสั่งสมประสบการณ์การใช้ชีวิตของแม่ไม่ใช่จากกในตำราหรือสถาบันการศึกษา เมนูนี้ทำง่ายมากและใช้เวลาสั้นในการเตรียม สำหรับแม่ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่รสชาติเกินบรรยาย ใครๆ ก็ทำได้เมนูนี้ ลองทำกันดูนะค่ะ สูตรที่แม่ปรุงมีดังนี้
ผัดดอกอาวสูตรแม่จันทรา
1. เลือกดอกอาวตูม 20-25 ดอก เลือกที่สดใหม่ ล้างให้สะอาด
2. หั่นดอกอาวเป็นชิ้นเล็กขนาดประมาณ 1 ข้อมือ
3. ตำพริกแห้ง 3 – 5 เม็ด กระเทียม 5 กลีบ กะปิแกง 3/4 ช้อนชา
4. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย หากต้องการใส่เนื้อหมู (ไม่ใส่ก็อร่อยเช่นกัน) หั่นหมูเป็นชิ้นๆ ลงไปผัดกับน้ำมันเมื่อหมูสลด ใส่พริกแกงที่ตำจนแหลกลงไปผัดกับหมู จนหอม ใส่ดอกอาวหั่น ผัดจนสุก โรยด้วยยอดชะอมเล็กน้อยพอมีกลิ่นหอม ผัดให้เข้ากันจนสุก
5. รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ 1 คำ ได้ทั้งกลิ่นหอมเฉพาะของดอกอาว รสออกหวานธรรมชาติ ดอกสวยติดตาตรึงใจ เข้ากันดีกับกลิ่นยอดชะอม 1 คำไม่เคยพอ เป็นเมนูที่สัมผัสได้ 3 มิติ
เวลาถึงหน้าดอกอาวกลิ่นรสที่คุ้นเคยของผัดดอกอาวเชิญชวนให้ฉันอยากกินเมนูนี้โดยเร็ว อยากรู้จังเด็กๆ สมัยนี้กินแล้วเค้าจะรู้สึกอย่างไร อนาคตรสชาติอาหารแบบไหนที่จะติดลิ้นติดจมูกติดใจเด็กเหล่านี้ เค้าจะติดรสมือแม่หรือเปล่า ฉันหวังว่าลิ้นเด็กเหล่านี้จะไม่ติดรสอาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารแฃ่แข็งพร้อมกินตามร้านสะดวกซื้อ แทนฝีมือแม่ หากเป็นเช่นนี้น่าเสียดายแทนยิ่งนัก หากเค้าเห็นดอกอาวเป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวหรือไว้สำหรับถ่ายรูปสวยของดอกลงเฟสบุค แล้วขึ้นสเตตัสว่า ไปมาแล้วทุ่งดอกกระเจียว เห็นแต่ตา แต่ไม่ได้ลิ้มลองรสชาติและกลิ่นหอมที่ล้ำลึกของดอกอาว เราเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้ พาเด็กลิ้มรส 3 มิติของอาหารท้องถิ่น แล้วเค้าจะเห็นคุณค่าและผูกพันกับธรรมชาติและความหลากหลายของอาหารท้องถิ่น มาฝึกทำฝึกกินกันตั้งแต่วันนี้ เปลี่ยนการกินในครอบครัวกันเถอะค่ะ